Bond Yield พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ สูงสุดในรอบปี สะท้อนความเสี่ยงในตลาดหุ้นกำลังปรับตัวสูงขึ้น

HomeNews

Bond Yield พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ สูงสุดในรอบปี สะท้อนความเสี่ยงในตลาดหุ้นกำลังปรับตัวสูงขึ้น

Last Updated on 30/03/2021

Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ทะลุ High เดิมเรียบร้อยแล้วครับ

นักลงทุนในตลาดยังคงเทขายพันธบัตรอย่างต่อเนื่องจากการคาดการณ์เงินเฟ้อและการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงขึ้น

และแน่นอนจะทำให้หุ้นสาย Growth ต้องเจอกับผลกระทบอย่างหนักราคาหุ้นลดลงต่อเนื่องมา ส่วนหุ้น Value Play น่าจะยังได้ประโยชน์ต่อไป

ตลาดหุ้น NASDAQ เข้าสู่ขาลงมาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว จาก 14175 จุดลงมาเหลือ 13059 จุด หรือลดลงไปแล้วประมาณ 7.8%

แต่ความพีคคือหุ้นเทคโนโลยีหลายตัวลดลงมากกว่า 50% แล้ว เช่น

– TSLA หุ้น Tesla ลงมาจาก 900 เหรียญ เหลือ 611 เหรียญ ลดลง 32%

– AAPL หุ้น Apple ลดลงจาก 145 เหรียญเหลือ 121 เหรียญ ลดลง 16.5%

– SNOW บริษัท Cloud รายใหญ่ที่ Berkshire Hatahway ของ Buffett ลงทุนอยู่ ลงจาก 429 เหรียญเหลือ 223 เหรียญ ลดลงไปแล้ว 48% หรือครึ่งนึง !!!

– LMND หุ้น Insuretech ที่เพิ่ง IPO เข้าตลาดไปลงจาก 188 เหรียญ เหลือ 83 เหรียญ ลดไป 55%

Bond Yield สำคัญกับการลงทุนยังไง?

การปรับตัวสูงขึ้นของ Bond Yield อาจกดดันให้ FED จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงจนเกินไป

หากเงินเฟ้อสูงจะทำให้สินค้าและบริการต่างๆราคาสูงขึ้น ประชาชนต้องเจอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งมันจะไม่ดีแน่ๆสำหรับเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และภาคการบริโภคที่ยังอ่อนแอ

.แต่ความพีคคือการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้จะส่งผลกระทบมหาศาลถึงหนี้ของรัฐบาลกลางที่สร้างหนี้ขึ้นมาเยอะมาก เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นมหาศาล

จะเห็นว่า Biden เข้าใจปัญหาในตอนนี้ดี จึงมีนโยบายในการเก็บภาษีเพิ่มเพื่อลดการขาดดุลและแก้ปัญหาหนี้ส่วน Jerome Powell ยังคงคาดว่าการขึ้นของเงินเฟ้อรอบนี้เป็นเรื่องชั่วคราวและ FED จะยังไม่มีแผนการปรับการขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นก่อนปี 2023 เพราะจะกระทบกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นมหาศาล

การไม่ทำอะไรของ Powell ครั้งนี้อาจส่งผลมหาศาลเพราะตั้งแต่พูดมาอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรยังคงพุ่งตัวขึ้นสูงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

Powell อยู่ในจุดที่ถ้าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อก็อาจทำให้ตลาดหุ้นพังทลาย ถ้าทิ้งไว้เฉยๆเงินเฟ้อมาจริง พุ่งขึ้นจริง กระทบเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของคน การจะควบคุมในภายหลังจะยากมากๆ การตัดสินใจในครั้งนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดของ Powell เลย

ในฝั่งนักลงทุนเอง การที่พันธบัตรมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จะทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนสูงขึ้นจากการลงทุนในพันธบัตร อาจทำให้เม็ดเงินบางส่วนที่อยู่ในตลาดหุ้นไหลกลับเข้าสู่พันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงที่มีราคาสูงและขึ้นมาเยอะแล้วอย่างเช่นหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตดีในปีที่แล้ว แต่ปีนี้น่าจะเติบโตน้อยลงเมื่อเทียบกับหุ้น Value Play

อย่างไรก็ตามสำหรับหุ้นกลุ่มฟื้นตัว หรือ Value Play ยังไงได้รับผลกระทบน้อยมากถ้าเทียบกับการเติบโตที่กำลังกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ หลายตัวเช่นหุ้นท่องเที่ยว หุ้นร้านอาหาร หรือแม้แต่หุ้นคอมโมดิตี้ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง

COMMENTS