Doordash หุ้น IPO บริษัทส่งอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เติบโต 200%

HomeStock

Doordash หุ้น IPO บริษัทส่งอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เติบโต 200%

Last Updated on 29/12/2020

DoorDash หุ้นส่งอาหารในสหรัฐน่าสนใจยังไง?

DoorDash บริษัทแพลตฟอร์มส่งอาหารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ณ ชั่วโมงนี้ ได้ประกาศราคา IPO ออกมาที่ 102 เหรียญต่อหุ้น

ซึ่งจะทำให้บริษัท มี Valuation อยู่ที่ประมาณ 39000 ล้านเหรียญเป็นหนึ่งใน IPO ที่ใหญ่ที่สุดตัวนึงของปี 2020 โดยราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 156 เหรียญ สูงกว่า IPO 52%

Doordash Technical Chart

หุ้น DASH น่าสนใจยังไง

DoorDash เป็นหุ้นแพลตฟอร์มส่งอาหารที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในปี 2018 DASH เป็นอันดับ 3 ในตลาด Food-Delivery ในสหรัฐ และถือครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 17%

ผ่านมา 3 ปี รายได้ของ DASH เติบโตมากกว่า 200% แย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Grubhub และ UberEat ในปัจจุบัน DASH มีส่วนแบ่งตลาด มากถึง 50%

ขึ้นเป็นบริษัทแพลตฟอร์มส่งอาหารที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในสหรัฐ

ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 18 ล้านคนในสหรัฐ ร้านค้าในเครือกว่า 390000 ร้าน และพนักงานส่งของกว่า 1 ล้านคน

จุดกำเนิดของ DoorDash

ในช่วงปลายปี 2012 เด็ก Stanford 4 คน กำลังพยายามสร้างแอพพลิเคชั่นโดยมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของผู้กระกอบการรายย่อยให้

ในขณะที่พวกเค้ากำลังขอ Feedback จากผู้จัดการร้านขนมแห่งหนึ่ง ก็สรุปได้แอพพลิเคชั่นที่พวกเค้าทำอยู่มันไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาสำคัญๆของผู้ประกอบการได้

แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะก่อนที่พวกเค้าจะออกจากร้านขนม ผู้จัดการร้านก็ได้โชว์สมุดบันทึกรายการส่งสินค้า แล้วเธอก็บอกพวกเค้าว่า เจ้าสิ่งนี้มันทำให้เธอปวดหัวมากๆ เพราะเธอไม่สามารถหาคนมาส่งอาหารให้เธอได้เลย

นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้พวกเค้ารู้ว่าอะไรคือ Pain Point ของผู้ประกอบการในระแวกนั้นและเป็นจุดเริ่มต้นของ DoorDash 

พวกเค้าใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ต่อมาในการไล่สัมภาษณ์ผู้ประกอบการกว่า 200 ราย ใน Palo Alto ทำให้ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าปัญหาการส่งสินค้านั้นเป็นของจริง 

ด้วยความสามารถระดับเด็ก Stanford  การที่จะสร้างแอพพลิเคชั่นต้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยพวกเค้าใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง

โดยครึ่งชั่วโมงหลังจาก แพลตฟอร์ม Online  ก็มีคนมาใช้บริการ Order แรก!! หลังจากนั้นพวกเค้าก็มีการเริ่มส่งอาหารกันเอง เรียนตอนเช้า ส่งอาหารตอนเย็น 

ใน วันที่ 12 มกราคม 2013 DoorDash ก็ถือกำเนิดในชื่อ Palo Alto Delivery

เมื่อมาถึงเดือนมิถุนายน บริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น DoorDash บริษัทที่มาพร้อมภารกิจที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นตัวช่วยให้พ่อค้าทุกคนส่งของได้

DASH Funding

Credit: Jungleworks.com

DoorDash ทำอะไร?

พูดง่ายๆ DASH ก็คือบริษัทเหมือน GRAB, Lineman และ Get ในบ้านเรานั่นเอง

โดยมีกระแสรายได้ก็มาจาก ค่าคอมมิสชั่น, ค่าโฆษณาบนแอพพลิเคชั่น และค่าส่งสินค้านั่นเอง

ในปี 2019 DoorDash มีรายได้ 885 ล้านเหรียญ 

ในงวด 9 เดือน ปี 2020 DoorDash มีรายได้สูงถึง 1,900 ล้านเหรียญ

แต่ DoorDash ก็ยังไม่สร้างกำไรมีผลขาดทุนในปี 2019 อยู่ที่ 667 ล้านเหรียญ และ ขาดทุน 149 ล้านเหรียญในงวด 9 เดือน ปี 2020 จากการใช้งบในการโฆษณาและโปรโมชั่นเยอะมากตามสไตล์ของธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องสละกำไรเพื่อการเติบโตแรงๆ 

ด้านกลยุทธ์ในการเติบโต DASH มุ่งเน้นการให้บริหารในแถบชานเมืองและเมืองเล็กๆ
โดยทางผู้บริหารเชื่อว่าพื้นที่เหล่านั้นถูกมองข้ามโดนแพลตฟอร์มอื่นๆ ทำให้ DoorDash สามารถครองตลาดได้อย่างรวดเร็ว 

ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าในแถบชานเมืองยังเป็นกลุ่มครอบครัวที่มักจะสั่งออเดอร์ใหญ่ๆมากกว่า ซึ่งหมายถึง Comission ที่มากกว่า การจราจรที่เบาบางยังสะดวกสบายต่อคนส่งของอีกด้วยและร้านอาหารมักจะตั้งอยู่ไกลบ้านคนทำให้การสั่งเดลิเวอรี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น

ไม่พูดถึงขนาดของตลาดก็คงจะไมได้ Total Addressable Market ณ ปี 2018 อยู่ที่ 337,000  (10,110,000 ล้านบาท) ล้านเหรียญ
และคาดว่าจะโตไปที่ 467,000 ล้านเหรียญ (14,010,000 ล้านบาท) ในปี 2025

นอกจากตลาดในประเทศสหรัฐแล้ว DoorDash ก็ได้ขยายตลาดไปยังประเทศแคนาดาและออสเตรเลียและคาดว่าจะมีแผนเข้าไปเปิดตลาดในต่างประเทศอีกมาก
รวมถึงมีการขยายบริการเพิ่มการรับส่งของจากร้านสะดวกซื้อต่างๆอีกด้วย

ความเสี่ยงละ?

แม้จะดูเหมือนว่าบริษัทมีการเติบโตที่น่าตื่นเต้น แต่อุตสาหกรรมนี้ก็มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เหมือนเช่น Grab, Lineman, Get และอื่นๆในบ้านเรา
เพราะธุรกิจแบบนี้มี Low-switching cost ทั้งลูกค้าและร้านค้าในเครือสามารถเปลียนไปใช้เจ้าที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าได้อย่างง่ายดาย

โดยสรุปแล้ว DoorDash ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าติดตาม ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่มาก ยังไงบริษัทก็จะเติบโตอีกเยอะแน่นอน ในอนาคตจะเป็น DoorDash ที่ไปกินรายอื่นเข้ามาและเป็นผู้ชนะในเกมนี้รึเปล่าก็คงต้องติดตามกันต่อไป

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ ช่วยกด Like เป็นกำลังใจให้ เพจเทรนด์ลงทุน ด้วยนะครับ

COMMENTS