วิเคราะห์หุ้น KISS  ทำอะไร? จะกลับมาโตได้ไหม? เป้ารายได้โต 100% ในอีก 3 ปี ออกสินค้าใหม่ เพิ่มช่องทาง Mediacommerce

HomeStock

วิเคราะห์หุ้น KISS ทำอะไร? จะกลับมาโตได้ไหม? เป้ารายได้โต 100% ในอีก 3 ปี ออกสินค้าใหม่ เพิ่มช่องทาง Mediacommerce

Last Updated on 26/10/2021

หุ้น KISS เป็นหนึ่งในหุ้นที่เป็นกระแสมากตอน IPO ด้วยธุรกิจที่เข้าใจง่าย Business Model Asset-Light แบบแท้ทรู ทีมงานที่ครบเครื่อง แบรนด์ที่คนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง

หุ้น KISS IPO เข้าตลาดมาเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ช่วงหลังวิกฤตพอดี หุ้นวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 17.90 บาท

แต่หลังจากนั้นด้วยพิษของวิกฤตอย่างต่อเนื่องราคาหุ้นกลับตัวเป็น Downtrend ลงไปต่ำสุดอยู่ที่ 10 บาท ในช่วงเดือนสิงหาคมปี2564 ที่ผ่านมา

KISS ถือว่ามีความ Laggard พอสมควร ในตลาดมีหุ้นที่กลับตัวเป็น Uptrend เต็มไปหมดแล้ว

อะไรทำให้ KISS Laggard หุ้นตัวอื่นๆ ตอนนี้ราคาขึ้นมา 11.9 บาทแล้ว มีอะไรน่าสนใจบ้าง?

สรุปหุ้น KISS

จุดเด่นของหุ้น KISS

  • Market Share ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
  • กระแสเงินสดเยี่ยม ปันผลดี
  • เป็นหุ้นที่มีแบรนด์ที่ติดตลาดไปแล้ว ถ้าแบรนด์ใหม่ไม่ปัง ของเก่ายังพอเก็บกินได้
  • Business Model Asset Light ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เหมาะกับสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรแน่นอน
  • ธุรกิจ TV Shopping ที่น่าจะช่วย Drive การเติบโตได้อย่างมีนัยยะในระยะสั้น
  • แผนการเติบโตที่ชัดเจน เป้า 3,000 ลบ. ในปี 2567 หรือเติบโตเฉลี่ยประมาณ 30% ต่อปี
  • โอกาสเติบโตต่างประเทศ แบบไม่ต้องเสี่ยงมากไปกับพันธมิตร
  • เป็นหุ้นที่มี Track Record การเติบโตค่อนข้างดี

แผนการเติบโตของ KISS

ธุรกิจของ KISS

สิ่งที่ผมชอบในตัว KISS คือเป็นธุรกิจที่เข้าใจง่ายดี บริษัทเน้นโมเดลแบบ Asset-Light เป็นเจ้าของแบรนด์ ทำการพัฒนาสินค้าออกมา แล้วไปจ้างโรงงานที่มีศักยภาพผลิต เอาออกมาทำการตลาด ขายผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆที่บริษัทมีอยู่ สินค้าที่มีส่งออกต่างประเทศโดยการขายผ่านพันธมิตร

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้นอกจากโรงงานไม่ต้องลงทุนแล้ว ธุรกิจในต่างประเทศก็ไม่ต้องลงค่าใช้จ่ายการขายและบริหารเพราะไปอยู่กับพันธมิตรหมด งานอย่างเดียวของ KISS คือการสร้างแบรนด์ และออกสินค้าที่กำลังอยู่ในกระแสของตลาด

สินค้าหลักของบริษัทคือ Skin Care โดยมีตัวชูโรงที่ทำให้บริษัทดังในอดีตเลยคือ Rojukiss Serum ปัจจุบันเลยใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์แตกไลน์ไปทำสินค้าอื่นๆเช่น ครีมบำรุงผม Eye Cream

รายได้ของ KISS มาจากสินค้าดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 80%
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 13%
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 3%
  • ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 4%

จะเห็นว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจาก Skincare ซึ่งเป็นสินค้าตัวหลักของบริษัท ในอนาคตบริษัทพยายามเติบโตเข้าไปในตลาดของสินค้าอื่นๆด้วยเช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำยาเปลี่ยนสีผม

กลยุทธ์การขายของบริษัทก็ค่อนข้าง Simple โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายคือ

  • Modern Trade 70.7%
  • ร้านค้าทั่วไป 15.4%
  • ร้านค้าออนไลน์ 2.2%
  • ส่งออกผ่านตัวแทนในประเทศ 3.8%
  • ส่งออกผ่านตัวแทนต่างประเทศ 6.9%
  • กิจการอื่นๆ (JV) 1%

พอ KISS พึ่งพิงช่องทางหลักเป็น Modern Trade ผนวกกับวิกฤตครั้งนี้คือวิกฤตที่ทำให้คนออกจากบ้านไม่ได้ โดน Lock-Down เมื่อไม่ออกจากบ้านก็ไม่ค่อยแต่งหน้า ไม่โดนแดดก็อาจจะทาครีมบำรุงลดลง ก็กระทบกับรายได้ของ KISS ไปแบบเต็มๆ

ในมุมของ Branding และ Market Share KISS ถือเป็นหุ้นผู้นำตลาด Skincare ของไทยเลยทีเดียว บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของ Facial Moisturizer เป็นอันดับที่ 5 ของไทย รองจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง LOreal P&G Beiersdorf Unilever โดยมีแบรนด์ไทยที่เรารู้จักกันดีเช่น Smooth-E ในอันดับ 7 และ Do Day Dream ในอันดับ 8

จุดสำคัญคือ KISS มี​ Market Share ที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 1.7% ในปี 2560 มาเป็น 5% ในปี 2563 จุดนี้เป็นตัวพิสูจน์ว่า Playbook ของ KISS น่าจะมาถูกทางแล้ว ทำให้ได้ Market Share สูงขึ้น

Skincare Marketshare 2021

กลยุทธ์การเติบโตของ KISS

ในตลาด Consumer Product กลยุทธ์การเติบโตแบ่งออกเป็น 2 สายหลักๆคือสาย Product และ สาย Market

สาย Product คือการเพิ่มสินค้าเพื่อขายให้กับกลุ่มลูกค้า Market เดิม อันนี้เราจะเริ่มเห็นจากการที่ บริษัทเริ่มมีการทำอาหารเสริมแบรนด์ Rojukiss ขึ้นมาขายด้วย และเริ่มมีการเปิดตลาดเครื่องสำอางค์ รวมไปถึงออกแบรนใหม่ๆเช่น PhD K-Derma, Wonder Herb, Sis2Sis

สาย Market คือการพัฒนาช่องทางการขายและตลาดใหม่ๆ เช่นการส่งออกต่างประเทศ การร่วมมือกับ GMM ขายสินค้าผ่าน TV Shopping คล้ายๆ TV Direct และ RS โดยมีเป้าจะทำรายได้ครึ่งหนึ่งของ RS ราวๆ 1000 ลบ. (KISS ถือหุ้นบริษัท TV Shopping 40%)

ธุรกิจต่างประเทศของ KISS ใช้โมเดลส่งออกผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่ายในไทย และการให้สิทธิ์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ตอนนี้มีการส่งสินค้าไปประเทศ ลาว, กัมพูชา,​อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์เริ่มในไตรมาส 3 ปี 2563 และเวียดนามในปี 2564

KISS จะไปตีตลาดใหม่ๆได้ยังไง? กลยุทธ์ของ KISS คือการเป็น Fast Mover พัฒนาสินค้าใหม่ๆที่ตรงใจตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยประสบการณ์ ข้อมูล และการทำการตลาดร่วมกันกับคู่ค้า

ยอดขายสินค้าใหม่ (Launch มาไม่เกิน 1 ปี) ของ KISS มีสัดส่วนสูงถึง 30% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2563 จากที่เคยมีสัดส่วนเพียง 11% ในปี 2560 ตรงนี้บอกชัดเจนว่ากลยุทธ์ของ KISS คือการออกสินค้าใหม่ๆเพื่อมากระตุ้นตลาดไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ Make Sense อยู่เหมือนกันเพราะในตลาดนี้คนซื้อก็ต้องการสินค้าใหม่ๆตลอด

อย่างไรก็ตามด้วยแผนธุรกิจที่น่าดึงดูด แต่ในมุมราคาหุ้นและผลประกอบการ KISS ถือเป็นหุ้นไม่กี่ตัวที่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ไตรมาส 2 ปี 2563 จุดเริ่มต้นของวิกฤตแล้ว มาถึง ไตรมาส 2 ปี 2564 ยังไม่โต สาเหตุเป็นเพราะอะไร?

หุ้น KISS ทำอะไร?

งบการเงินของหุ้น KISS

รายได้ของ KISS เติบโตต่อเนื่องมาตลอด มาสะดุดเอาตอนปี 2563

  • ปี 2561 รายได้ 966 ลบ.
  • ปี 2562 รายได้ 1140 ลบ.
  • ปี 2563 รายได้ 966 ลบ.

ดูจากรายได้จะเห็นว่า การเติบโตของรายได้ของ KISS เริ่มโดนผลกระทบจากการ Lock Down ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2563 เป็นต้นมา

รายได้จากการขายสินค้าและบริการ

แต่ถ้าดูที่กำไรจะเจอว่าไตรมาส 1 ปี 2563 ยังคงเติบโตอยู่ เพราะมีรายได้พิเศษจากการเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าอินโดนีเซียราว 38 ลบ. จุดนี้แทบไม่มีต้นทุน รายได้เลยลง Bottom Line ทันที ในมุมกลับกันพอรายได้ก้อนนี้หายไป กำไรก็ตกลงทันทีเช่นกัน

ในปี 2563 KISS มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการทำลายสินค้าหมดอายุที่ขายไม่ได้ และตั้งประมาณการด้อยค่าสินค้าเพิ่มเป็น 30 ลบ. จากปี 2562 ที่มีอยู่ 13.8 ลบ. ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มมาในปี 2563 ราวๆ 18 ลบ.

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทลดลงจากการลดค่าใช้จ่ายโฆษณาลง 89 ลบ. โดยรวมทั้งหมดลดลงประมาณ 33% ทำให้ภาพรวมกำไรทั้งปีของบริษัทไม่ได้ตกลงมากนัก ยังรักษากำไรที่ระดับ 30-40 ล้านไว้ได้แม้รายได้จะหายไปมากกว่า 20%

สรุปโดยรวมคือรายได้ลดลง 20%+ แต่บริษัทก็ใช้วิธีลดค่าใช้จ่าย ลดงบโฆษณาลงเป็นสัดส่วนมากกว่า ทำให้กำไรยังพอ Maintain ได้ ปัญหาหลักๆที่สุดคือการ Lockdown ซึ่งทำให้การค้าหยุดไปหมด คนอยู่บ้านก็ไม่ออกมาจับจ่าย ไม่แต่งหน้า ใช้ครีมลดลง

ปัจจัยการเติบโต

ระยะสั้น – ต้องหวังพึ่งการจะกลับมาโตตามแผนบริษัทที่วางไว้ได้คงต้องพึ่งให้กลับมาเปิดเมืองเหมือนเดิม คนเริ่มกลับไปทำงานออฟฟิศปกติ ในระยะสั้นยังมีสินค้าใหม่กัญชงที่ทำกับ O2KISS มาขายด้วยถ้าทำการตลาดได้ดี รายได้น่าจะค่อยๆกลับมาเติบโตเอง

ระยะกลาง – หวังพึ่งบริษัท O2KISS ที่ขายสินค้าใน TV เริ่มดำเนินงานช่วงปลายปีนี้ ตอนแรกๆคงขาดทุน แต่คิดว่าถ้าทำสำเร็จน่าจะได้ Profit Sharing กลับมาซัก 30-40 ลบ. และ การขยาย Line สินค้าใหม่ๆ Brand ใหม่ๆให้หลากหลายยิ่งขึ้น การส่งออกที่น่าจะกลับมาเติบโตได้หลังเปิดเมือง ปัจจุบันรายได้จากการส่งออกอยู่แถวๆ 8% อีก 3 ปีจะขึ้นไปเป็น 20% ของรายได้รวม

ระยะยาว – ดูที่ Business Model และ Playbook การเติบโตของ KISS เลยครับ ตอนนี้ KISS พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเอาตัวรอดได้ในช่วงขาลง ขาขึ้นก็คงทำได้ดี แต่จะดีแค่ไหนคงต้องติดตามกัน เพราะปัจจุบันยังไม่เห็นผลซักเท่าไหร่ ดันมาเจอ Lock Down ก่อน

อีกเรื่องที่น่าจะช่วยในระยะยาวคือ E-Commerce แต่โตช้ามากๆ รายได้เฉลี่ยเดือนละล้าน KISS อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้มากนัก

การเติบโตหลังเปิดเมืองของ KISS

ตาม Common-sense ออกไปข้างนอกก็ต้องแต่งหน้า เมื่อโดนแดดมากขึ้นก็ต้องบำรุงกันหน่อย เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำของปีที่แล้ว ตรงนี้ KISS ไม่ต้องทำอะไรเลยก็โตได้ ซึ่งผมไม่ห่วงเลย

สงครามที่แท้จริงคือหลังเปิดเมืองไปแล้ว สินค้าที่ KISS Launch ออกไปจะยังได้รับความนิยมอยู่ไหม โดยถ้าจะประเมินผมจะดูปัจจัยเหล่านี้ครับ

  • Market Share ควรจะต้องเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  • ยอดขายสินค้าใหม่อย่างเครื่องสำอางค์และวิตามินควรต้องโตก้าวกระโดด 30-50%
  • ความสำเร็จของธุรกิจ TV Shopping อย่างน้อยๆต้องมีกำไร
  • การควบคุมค่าใช้จ่ายการตลาดให้เหมาะสมกับยอดขาย ตรงนี้ผมให้ความสำคัญมากๆ เพราะการปั้นแบรนด์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย และองค์กรยุคนี้ควรจะต้องใช้งบการตลาดอย่างชาญฉลาด Lean และ Optimize สุดๆ โดยเฉพาะช่วงต้นของการสร้างแบรนด์
  • แบรนด์ใหม่ๆที่เริ่มได้รับความนิยม นอกจาก Rojukiss
  • รายได้และกำไรควรทำ All Time High ใน 1-2 ปี

หุ้น KISS ควรมีราคาเท่าไหร่?

การจะประเมินราคาหุ้นได้ต้องประเมินรายได้และกำไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้าให้ได้ ถ้าผม Assume ว่าปี 2565 อย่างน้อยๆ KISS น่าจะกลับมามีรายได้และกำไรไม่น้อยกว่าปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤต คือกำไรราวๆ 200 ลบ. หรือ EPS ที่ 0.33

ตอนนี้ราคาหุ้น KISS กลมๆอยู่ที่ 12 บาท แปลว่าตอนนี้ KISS เทรดอยู่ที่ Forward P/E ที่ 36 เท่า … ดูตัวเลขจะรู้สึกว่าสูง แต่ถ้าไปเทียบตอน KISS ขึ้นไปจุดสูงสุดที่ราคา 18 บาท ตอนนั้น P/E 54 เท่าเลยทีเดียว ตอนนี้ถือว่าถูกกว่าตอนนั้นไม่ต่ำกว่า 30%

แล้วถ้าปีหน้า KISS ดันโตกว่าปี 2562 ซัก 20% ล่ะ? เป็นไปได้มากพอสมควรเพราะหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบรนด์ สินค้า Partner ต่างประเทศก็พร้อมหมดแล้ว บริษัทพร้อมขาย เหลือคนซื้อที่ยังไม่ค่อยพร้อมซื้อ 555

ถ้าเป็นแบบนั้นกำไรของ KISS อาจสูงขึ้นอยู่ที่ระดับแถวๆ 250 ลบ. จะเป็น EPS ที่ 0.41 และเป็น Forward P/E ที่ 29 เท่า

ถูกหรือแพง เทียบกับศักยภาพการเติบโต 2 เท่าตัวใน 3 ปี เป้าหมายรายได้ที่ 3,000 ลบ. กับบริษัทที่สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องลงทุน อันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องชั่งน้ำหนักเอาเองครับ อยากได้ P/E เท่าไหร่ก็คูณกันได้เลย

แล้วก็ต้องอย่าลืมว่ามันไม่ได้จบที่ปี 2565 แต่ยังมีการเติบโตของปี 2566 2567 2568 ด้วยดังนั้นกำไรที่ 250 ก็ยังเติบโตได้อีก

Tisco Estimate

ความเสี่ยงของ KISS

KISS เป็นหุ้นที่มี Venture Capital คือ บ. Aurora Asia เข้ามาลงทุน และผบห.เองก็บอกแล้วว่าจะมีการขายหุ้นออกมา ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าขายยังไง ขายให้ใคร (เดาๆไม่น่าขายมาในตลาด เพราะถ้าแบบนั้นพังยับชัวร์) Silent Period ที่ 3 ปี น่าจะขายได้แถวๆปี 2566 ซึ่งอาจจะกดดันราคาหุ้นได้

เปิดเมืองปุ๊ป ยอดขายมา อาจจะตามมาด้วยงบการตลาดมหาศาลหรือไม่? เพราะสินค้าใหม่ก็เยอะต้องเริ่มทำการตลาด ถ้าเป็นแบบนี้การเติบโตของกำไรอาจไม่ได้เท่าที่คิด

การเติบโตต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย ไปแล้วอาจจะได้ไม่ดีเท่าที่คิดก็ได้ อันนี้ต้องติดตามอีกมาก

สุดท้ายเป้าที่ตั้งไว้ในปี 2567 อาจจะมีการปรับเป้าถ้าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย

สรุปหุ้น KISS ดีไหม?

ในมุมผม KISS ถือว่าเป็นหุ้นเติบโตที่ในอดีตได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าโตได้เยอะมาก แต่โชคไม่ดีมาเจอวิกฤตโรคระบาดซะก่อนทำให้ต้องสะดุดไป

อย่างไรก็ตามตอนนี้ใกล้จะเปิดเมืองเต็มที่แล้ว ช่องทางการขายของ KISS ที่เยอะที่สุดคือ Modern Trade คนออกไปข้างนอกต้องมีเริ่มซื้อของ ก็จะช่วยทำให้ KISS กลับมาเติบโตได้ สินค้าใหม่และช่องทางขายใหม่ๆอย่าง TV Shopping ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้โอกาสที่จะเติบโตสูงมากกว่า 20% มีมากขึ้น

ในขณะที่ราคาหุ้นไม่ได้ถูกเท่าไหร่ ค่อนข้างไปทางแพง แต่ถ้าเทียบกับโมเดลธุรกิจที่เป็น Asset Light โตได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม Market Cap ราวๆ 7,000 ลบ. เทียบกับเป้ารายได้ 3,000 ลบ. ในอีก 3 ปีข้างหน้า ผมถือว่าหุ้น KISS เป็นหุ้นที่น่าเดิมพันไม่น้อยเลยครับ

ช่องทางติดตาม

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้สามารถติดตามผ่าน FB Page: เทรนด์ลงทุน และ LINE@Trendlongtun ครับ

COMMENTS