อัพเดทหุ้น Netflix 3Q22 P/E 18 เท่า จำนวนผู้ใช้กลับมาโตและจะโตกว่าเดิมในไตรมาสหน้า เริ่มเปิดใช้แพคเกจแบบมีโฆษณา กำไรทันที บุกตลาดใหม่

HomeStock

อัพเดทหุ้น Netflix 3Q22 P/E 18 เท่า จำนวนผู้ใช้กลับมาโตและจะโตกว่าเดิมในไตรมาสหน้า เริ่มเปิดใช้แพคเกจแบบมีโฆษณา กำไรทันที บุกตลาดใหม่

Last Updated on 19/10/2022

รอบนี้หลักๆผมว่าอยู่ที่การเติบโตของจำนวน Subscriber, Netflix Ads version และงบการลงทุน Content ที่น่าจะ Maintain ประมาณนี้ไปซักพักซึ่งถ้า Netflix กลับมาเติบโตได้จริงจะเห็นกำไรสุทธิน่าจะโตดีครับ

ผลประกอบการ Q3

1. Q3 ได้ Series ดีช่วยไว้เช่น Stranger Things ทำให้ผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด Q4 Momentum น่าจะยังคงดีอยู่

2. Netflix ยังคง Focus อยู่ที่รายได้และการเติบโตของรายได้เป็นหลัก

3. ค่าเงินกระทบ Netflix ค่อนข้างมากทำให้ประมาณการอัตรา Operating Profit Margin ใน Q4 ลดลงเหลือ 4% (ถ้าไม่นับรวม FX จะอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจาก 8% ใน 3Q)

4. Free Cash Flow จะอยู่ที่ประมาณ​ 1 Billion +- หลักร้อย

5. งบการลงทุน Content น่าจะอยู่ที่ 17 Billion +- ไม่เยอะนับจากนี้ จะคุมให้ตามการเติบโตของรายได้ (กำไรน่าจะดีขึ้น)

6. การลงทุน Content ของ Netflix ดีขึ้น โดยได้ Impact มากขึ้นต่อ 1 Billion ที่ใช้ในการลงทุน และมากกว่าเจ้าอื่นๆมาก (เพราะ Netflix มี Scale เยอะสุด)

7. 3Q ที่ผ่านมาเพิ่ม Subscriber ไปได้ 2.4 ล้านราย 4Q ตั้งเป้า 4.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 87% QoQ แต่ลดลง 45% YoY ตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวก เพราะก่อนหน้านี้ติดลบ 2-9 แสนราย สมาชิกรวมจะกลายเป็น 227 ล้านราย โต 3% จาก 4Q22

Netflix Subscriber

ผลการดำเนินงานในมุมธุรกิจ

8. การลดอัตราการ Churn ที่ดีที่สุดคือการออก Content ดีๆ ให้สมาชิกติดงอมแงม

9. สถานการณ์ตลาด TV ตอนนี้คือ กำลังตกลงเหว (Bob Iger กล่าวไว้) คนเริ่มยกเลิก Cable ทำให้ Advertisers ไม่มีที่ไปโฆษณาด้วย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 18-49 ปี (ซึ่ง Ads ของ Netflix จะเข้ามาเสียบตลาดนี้พอดีๆ ขนาดตลาดอยู่ที่ราวๆ 30% ของงบโฆษณาทั้งหมด)

10. อุตสาหกรรม Streaming ตอนนี้มี Streaming Time สูงกว่า Broadcast และ Cable แล้ว

Streaming Market share

11. ไตรมาสที่ผ่านมา Netflix ปล่อย Content ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมามากถึง 7 Content

12. Reed Hasting บอกว่า Netflix และ Disney จะลงทุนใน Content หนักมากและกลายเป็น 2 Premium brand และเริ่มมีการเอา Sport เข้ามาอยู่ใน Streaming (Disney น่าจะได้เปรียบเรื่องนี้)

13. Disney Plus มีสมาชิก 150 ล้านคน Amazon Prime Video มีคนดูราวๆ 180 ล้านคน (ปี 2021) Netflix มี 220 ล้านคน

Disney Plus vs Netflix

14. จะมีการนำหนัง Netflix บางเรื่องเข้าโรงหนังด้วยเช่น Knives Out แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคง Focus กับการ Entertaining Members on Netflix เป็นหลักอยู่

15. Netflix จะมี Package Sub-Account ที่ให้เราจ่ายเงินให้ครอบครัว แฟน เพื่อน ได้ด้วย (อารมณ์เหมือนบัตรเสริม บัตรเครดิต)

16. SmartTV ตอนนี้ถูกกว่า Smartphone แล้วเพราะไม่มีค่าแบตเตอรี่ ใช้ Processor ที่ไม่ Advance ผลิตง่ายกว่า Smartphone

17. Competitive Advantage เฉือนกันที่ 1. ใครมี Content ที่ดีที่สุด 2. ใครมีระบบ Suggession ที่ดีที่สุด และ 3.ใครมีต้นทุนต่ำที่สุด เป็น Competitive Excellence

Netflix Ads Version

18. Netflix Version แบบถูกลงแต่มีโฆษณา จะไม่ทำให้บริษัทขาดทุนในช่วงแรก อาจจะปริ่มๆเท่าเดิมไม่ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ในเชิง Unit Economic)

19. การ Launch Platform ครั้งนี้เร็วมาก จากการประกาศถึงเปิดตัวใช้จริง ใช้เวลาเพียง 6 เดือน (Move Fast แต่จะ Break things หรือไม่ต้องติดตาม)

20. บริษัทประเมินว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปลี่ยน Package แบบที่คนกังวลกัน

21. Demand ของการโฆษณาใน Netflix ค่อนข้างแข็งแกร่งจากการเช็คกับ Advertiser และ Agency

22. การพัฒนา Platform ใหม่จะเป็นการ Crawl-Walk-Run หรือพัฒนาค่อยๆเป็นค่อยๆไป จากเริ่มต้นช้าๆไปสู่ Advance ในภายหลัง ดังนั้นการทำ Ads Targeting ในช่วงแรกจะไม่มี Option เยอะมาก แต่จะเพิ่มในภายหลัง

23. ต่อไป Netflix จะถามอายุ และเพศของคนสมัครด้วย เพื่อเอาไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อโชว์โฆษณาที่เหมาะสม การโชว์โฆษณาจะ Innovative มากๆ เป็น Ads Experience ที่เน้น Consumer Centric (แอดเดาว่าน่าจะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า Facebook ที่โชว์โฆษณาได้แบบโคตรเถื่อน)

24. ขุมทรัพย์ของ Netflix คือ คนใช้ Netflix 100% Sign-in หมด ดังนั้นการ Track ข้อมูลจึงทำได้ดีมาก

25. Cost per Impression อาจสูงกว่าของ Traditional TV ถึง 2-3 เท่าแต่จะ Effective กว่าเยอะด้วยเช่นกัน

26. การออกแพลนใหม่ที่ถูกลงครั้งนี้ จะช่วยลดอัตราการ Churn (ยกเลิกสมาชิก) ลง + ลงไปชนกับ Disney Plus ตรงๆ Disney Plus $7.99 Netflix $6.99 ตัดราคาเลยฮะ

27. Netflix จะ Partner กับ Microsoft ในการขายโฆษณา (สำหรับผม Microsoft คือบริษัทที่มี Enterprise Sales ที่เก่งมากๆนะครับ)

28. Ads Revenue จะมีอัตราการทำกำไรที่สูงมาก (ผมเดา GPM 90%+) เพราะมันแทบไม่ได้ใช้ Resource อะไรมากมายเลย

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้สามารถติดตามผ่าน LINE@Trendlongtun ครับ

ถ้าสนใจคอร์สการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีสามารถ ลงทะเบียน เพื่อรับข่าวสารและส่วนลดในการจองคอร์สได้ครับ

COMMENTS