วิเคราะห์หุ้น ROKU เปลี่ยน TV บ้านๆเป็น TV อัจฉริยะด้วย ROKU OS ระบบปฎิบัติการของ TV ในยุค AI ที่มีผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน Android + Facebook ในโลกของ TV

HomeStock

วิเคราะห์หุ้น ROKU เปลี่ยน TV บ้านๆเป็น TV อัจฉริยะด้วย ROKU OS ระบบปฎิบัติการของ TV ในยุค AI ที่มีผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน Android + Facebook ในโลกของ TV

Last Updated on 06/07/2021

ในยุคที่ TV ถูก Disrupt และแย่ง Timeshare อย่างหนัก จาก Youtube, Facebook, Tiktok และอีกสารพัด Social Media

เรากำลังอยู่ในยุค “ศึกชิงตา” ในโลก AI ที่ทุกวินาทีที่คนใช้เวลาไปกับอะไรบางอย่างมีค่ามากกว่าทอง แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้จ่ายเงินเลยซักบาท

โมเดลแบบนี้เป็นโมเดลแบบเดียวกับ Facebook คือให้ใช้บริการฟรี แต่ขอโฆษณาใน App ให้เราดูแทน หลังจากนั้นไปเก็บเงินเอากับ Advertiser

กลับกลายเป็นว่าโมเดลแบบนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเม็ดเงินมหาศาลในวงการโฆษณา แถมยังทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการโฆษณาแบบเมื่อก่อนเพราะมันสามารถ Track ข้อมูลต่างๆได้ ทำให้โฆษณาที่ยิงใน Platform แบบนี้ค่อนข้างแม่น และตรงกลุ่มเป้าหมายมากๆ

ในระหว่างที่ App Social Media Game ต่างๆ Streaming หนังกำลังฆ่ากันอย่างดุเดือด กลับมีบริษัทนึงที่ย่องเข้าไปยึดพื้นที่เล็กๆที่คนคิดว่าจบไปแล้วอย่าง TV เป็นพื้นที่ของตนเองเรียบร้อย

ธุรกิจของ ROKU

หุ้น ROKU ทำธุรกิจกล่อง Streaming หนังและรายการต่างๆ ที่ใช้ในการต่อเข้ากับ TV เพื่อดูหนัง (อารมณ์คล้ายๆ Chrome Cast หรือ Apple TV) โดยที่กล่องของ Roku ได้รวมหนังและรายการของหลายยี่ห้อไว้ด้วยกัน ในราคาเริ่มต้นที่ 29.99 หรือไม่ถึง 1000 บาท

บริการ Streaming ที่อยู่ในกล่อง Roku ก็จะมีเจ้าใหญ่ๆทั้งหมด Netflix, Disney Plus, HBOMax, Tubi, Hulu, Prime Video นอกจากนั้นยังมีพวก Free TV, Live TV และรายการเพลงต่างๆ

เวลามีคน Subscribe บริการ Streaming เหล่านี้ผ่าน Roku บริษัทจะได้ส่วนแบ่งด้วย พูดง่ายๆคือ Roku เป็น Market Place ของบริการ Streamer อีกที คล้ายๆกับ App Store ของ iOS และ Play Store ของ Andriod

อีกส่วนหนึ่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วคือธุรกิจ Platform หรือการเป็น OS ให้กับผู้ผลิต TV ต่างๆ เพราะผู้ผลิต TV เหล่านี้ไม่ได้อยากลงไปทำ Software เอง ก็เลยใช้วิธีเอา Roku มาลงไว้ใน TV ของตนเองซะเลย ส่วนนี้ Roku ได้ส่วนแบ่งรายได้ด้วยเวลามีคนซื้อ TV ไป

และเนื่องจากปัจจุบัน Platform ของ Roku มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคน บริษัทจึงสามารถขายโฆษณาใน Platform ของตนเอง และ 3rd Party ได้ โดยโฆษณาจะอยู่ตรง Home screen ของ Roku และ Home screen ของ 3rd Party อื่นๆที่ได้ตกลงกันไว้

ROKU Product

ปัจจุบันมีคนดูทีวีผ่าน Roku ราวๆ 70000 ล้านชั่วโมงต่อปี ซึ่งจุดนี้ถือเป็นข้อมูลมหาศาลที่ Roku มีอยู่ ดังนั้นนอกจากบริษัทจะทำการโฆษณาผ่าน Platform ของตนเองแล้ว ยังมีการขายข้อมูลของ Advertiser และ Publisher ผ่าน Platform ชื่อ OneView

สรุปโดยรวม Roku ทำธุรกิจ TV Operating system ที่มี Market place ของ Streamer เจ้าต่างๆอยู่ในกล่อง บริษัททำรายได้จากการโฆษณา ส่วนแบ่งค่าขายทีวี และส่วนแบ่งค่า Subscribe จาก Streamer เจ้าต่างๆ

รายได้ตรงนี้มากแค่ไหน ธุรกิจดีจริงไหม? เอาเป็นว่าตอนนี้ Roku กำลังจะทำ Roku Original ออกมาแข่งกับ Netflix และเจ้าอื่นๆแล้วครับ รายได้และกำไรคงไม่ธรรมดา

รายได้ของ Roku

รายได้ของ Roku ย้อนหลัง 3 ปี ประมาณนี้ครับ

  • 2018 743 ล้านเหรียญ โต 44%
  • 2019 1129 ล้านเหรียญ โต 52%
  • 2021 1778 ล้านเหรียญ โต 57%

รายได้ของ Roku แบ่งออกเป็น รายได้ Platform 1267 ล้านเหรียญ 72% ของรายได้ทั้งหมด อีก 28% เป็นรายได้ Player จากการขายกล่อง และส่วนแบ่งจากการขายทีวี

ไตรมาส 1 2021 รายได้ Platform โต 101% รายได้ Player โต 22% ส่วนสำคัญกว่าของ Roku คือรายได้จาก Platform ที่เกิดจากการเติบโตของ User และ Advertising ครับ ในอนาคตรายได้จาก Platform จะมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ OS ของ Roku เข้าไปอยู่ในทีวีหลากหลายมากขึ้น

Revenue

ที่สำคัญ Gross profit margin ของ Platform ดีกว่า Player ค่อนข้างมาก

  • Platform มี GPM ที่ 66.9%
  • Player มี GPM ที่ 13.8%
  • รวมอยู่ที่ 56.9%

แม้รายได้จะเติบโตในระดับ 79% แต่การเพิ่มขึ้นของ R&D, S&M และ General Admin น้อยกว่าการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยยะ ดังนั้นอัตราการทำกำไร ของ Roku จึงมีแนวโน้มโตขึ้นได้เรื่อยๆ

  • รายได้โต 79%
  • R&D โต 30%
  • S&M โต 30%
  • G&A โต 52%

Roku Financial Statement overview

และที่สำคัญ Roku เป็นบริษัทที่มีกำไรแล้ว ไตรมาส 1 ทำกำไร 76 ล้านเหรียญ จากปีที่ผ่านมาขาดทุน 54 ล้านเหรียญ

บริษัทยังเป็นบริษัทที่ Cash Rich มากๆ มีเงินสุดสูงถึง 2077 ล้านเหรียญ เลยทำให้เกิดการเติบโตแบบ Takeover เข้ามาเรื่อยๆ

ปัจจุบัน Roku มี Active Accounts อยู่ทั้งหมด 53.6 ล้าน account โดยมี ARPU อยู่ที่ 32 เหรียญ ที่ผ่านมาจำนวน Active Account เพิ่มตลอด

  • 1Q20 – เพิ่ม 2.9 ล้าน
  • 2Q20 – เพิ่ม 3.2 ล้าน
  • 3Q20 – เพิ่ม 3 ล้าน
  • 4Q20 – เพิ่ม 5.2 ล้าน
  • 1Q21 – เพิ่ม 2.4 ล้าน

จำนวน Active Account ยังโต แต่ก็ถือว่าโตในอัตราเร่งที่น้อยลง อาจจะเป็นเพราะฝั่งอเมริกาเริ่มเปิดเมือง คนก็เริ่มดูทีวีน้อยลง

แล้วถ้าเทียบจำนวน account ให้เห็นภาพตอนนี้ Netflix มี Paid user อยู่ทั้งสิ้น 207 ล้าน account Roku ถือว่ายังน้อย (แต่เอาจริงๆมันอาจจะเทียบกันไม่ได้ซักเท่าไหร่เพราะคนละตลาดกัน)

คู่แข่งของ Roku

Roku มีคู่แข่งไม่น้อย และเป็นรายใหญ่ๆทั้งนั้นเช่น Apple TV, Amazon Fire, Google Chromecast

Amazon Fire TV มี User base ที่ 50 ล้านคนแล้วใกล้เคียงกับ Roku มากๆ

อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 ปี 2020 Roku ได้ Share ของค่าโฆษณาไปมากถึง 46% โดยมีอันดับ 2 คือ Samsung ที่ 11% และ Apple 10%

ด้วยความหลากหลายของ Streamer ใน Platform ของ Roku ทำให้ Roku มี ARPU ที่สูงที่สุด ในอุตสาหกรรมที่ 32 เหรียญ มุมนี้ผมว่าอาจจะเป็นเพราะ ธุรกิจของ Roku มีอยู่อย่างเดียวคือ TV Advertising Platform บริษัทเลยเน้นตรงนี้มากๆ

ดูได้จากการที่ Roku ไปซื้อ Dataxu บริษัทที่ทำ Platform ของการโฆษณาใน TV โดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังมีไปซื้อ Nielsen Advance Video Advertising เข้ามา มันชัดมากๆว่าสิ่งที่บริษัททำคือต้องการให้ Advertiser สะดวกสบาย และสามารถวัดผลตอบแทนได้ชัดเจน

ในขณะที่ Apple TV หรือ Amazon Fire อาจจะยังไม่ได้เน้นโฆษณามาก แต่เน้นสร้างหนังให้คนติดแล้วจะได้อยู่ใน Ecosystem ใช้บริการอย่างอื่นด้วยมากกว่า ทำให้ยังไม่มี Advertiser ไปลงใน Platform TV

สรุป

สิ่งที่ผมชอบที่สุดใน Roku คือยิ่ง Roku โตด้วย Platform มากขึ้นเท่าไหร่ อัตราการทำกำไรยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ตัว Roku TV OS ติดไปกับเครื่อง TV เลย ทำให้ Roku เป็นเจ้าแรกที่เจอลูกค้า แบบไม่ต้องเลือก อารมณ์คล้ายๆการพ่วง Internet Explorer ไปกับ Windows แถมยังมีตัวเลือก Streaming หลากหลายมากกว่าคู่แข่ง ทำให้คนอเมริกันหลายๆคนเลือก Roku

จริงๆ Roku เป็นหุ้นที่มองเผินๆอาจจะดูไม่น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องของ TV ซึ่งไม่ว่าใครก็บอกว่ามันกำลังจะตาย ในความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้ตายเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ จาก Cable เป็น Streaming บน TV แทน ยังไงถ้าดูหนังหรือ Youtube ดูใน TV ก็ดีกว่าในมือถือ และนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมคนอเมริกันถึงยังดูทีวีกันไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน

ถ้าดูยอดขาย TV จาก Statista จะเห็นว่าแม้ยอดขาย TV ไม่โตแต่ก็ไม่ได้ตก นั่นหมายความว่ายังไงคนก็ยังดู TV อยู่เพียงแต่ Content และ Process ข้างในมันเปลี่ยนไป

พอเป็นแบบนี้เม็ดเงินโฆษณาใน TV ก็ไหลตามมา ว่ากันว่าโฆษณาบน Roku ให้ผลตอบแทนประมาณ​ 2.4x return on ad spend ตรงนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอื่นเป็นเท่าไหร่เพราะไม่ได้มีตัวเลข

จะว่าไปนอกจาก Roku จะเป็น Android ของโลก TV แล้วยังมี Business Model คล้ายกับ Facebook คือการโชว์โฆษณา

ถ้า Android กับ Facebook เป็น Mobile Based ทำไมจะมี OS หรือ Advertising Platform ที่เป็น TV Based บ้างไม่ได้ล่ะ?

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ

และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ

COMMENTS