หุ้น TWTR วิเคราะห์การเติบโตครั้งใหม่ของ Twitter เป้าหมายโต 1 เท่าตัวภายในปี 2023 Launch Feature ใหม่ Space, Super Follow ลุ้นเข้าตลาด Crypto ใช้ Bitcoin จ่ายทิปคนทำ Content

HomeStock

หุ้น TWTR วิเคราะห์การเติบโตครั้งใหม่ของ Twitter เป้าหมายโต 1 เท่าตัวภายในปี 2023 Launch Feature ใหม่ Space, Super Follow ลุ้นเข้าตลาด Crypto ใช้ Bitcoin จ่ายทิปคนทำ Content

Last Updated on 16/09/2021

TWTR น่าจะเป็นหุ้นตัวแรกตั้งแต่ที่ผมเขียนมา แล้วผมรู้สึกว่าตัวนี้มีโอกาสโต 3-10 เด้งในซัก 5-10 ปี ดัวย Market Cap ระดับ 50 Billion ถือว่า Size ไม่เล็กไม่ใหญ่

จิ๊กซอว์การเติบโตเกิดขึ้นแล้วประมาณ​ 70-80% เหลือแค่ผลลัพธ์ที่กำลังจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า

วันนี้เลยอยากมาแชร์มุมมองหุ้น Twitter แบบโคตร Bias มากๆ อ่านแล้วต้อง Discount กันเยอะๆนะครับ 555 บอกไว้ก่อน

หุ้น Twitter มีอะไรน่าสนใจ? 💎🤚

1. ราคาหุ้นถูกเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น Social Media ตัวอื่นๆ

2. Twitter มีกลุ่ม User ที่มีความเหนียวแน่น และ Positioning ที่ชัดเจน ทำให้การออก Feature ใหม่ๆมีโอกาสได้รับผลตอบรับที่ดีสูง

3. Architecture ใหม่ที่ใช้เวลาในการสร้าง 3-4 ปี ทำให้ Twitter สามารถทำลองและออก Feature ใหม่ๆได้เร็วขึ้น

4. Ads Server ตัวใหม่ที่จะทำให้การลงโฆษณาบน Twitter มีประสิทธิภาพ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และ ROI ที่ดีขึ้น ช่วยเรื่องงบโฆษณา และแก้ปัญหาที่ Twitter มีแต่ลูกค้าโฆษณา Brand Advertising มี Performance Advertising น้อย

5. Feature ใหม่บน Twitter เช่น Super Follow และ Space ซึ่งจะทำให้รายได้ลง Bottom Line ทันที

6. รายได้จาก Twitter Blue บริการ Premium จาก Twitter ซึ่งทำให้รายได้ลง Bottom Line เช่นกัน

7. การ Refocus Business ให้อยู่ใน Core Strength “Showing People – What happening” ที่เริ่มแสดงพลัง หลังจากที่หลงทางมาหลายปี

8. การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่เช่น Commerce และ Cryptocurrency

9. ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของงบการตลาด Branding เมื่อเปิดเมืองและเศรษฐกิจดีดตัว

10. เป้ารายได้เติบโต 1 เท่าตัว และจำนวนผู้ใช้โต 50% ใน 3 ปี

Twitter Goal

Social Media Stock Compare

ทำความเข้าใจธุรกิจของ Twitter 📘

Twitter มี Mission คือการ “Serve Public Conversation” นี่ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไม App ของ Twitter จึงเป็นการ Tweet สั้นๆ มี Topic ที่คนใช้สามารถ Follow ได้ ด้วยการทำงานแบบนี้เลยทำให้ Twitter มีจุดเด่นในการ Update ข่าวแบบไวๆ

ปัจจุบัน Twitter มีผู้ใช้ต่อวัน (Monetizable Daily Active User- mDAU) 206 ล้านคน ที่ใช้ Monetizable เพราะจะมี User บางกลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ หรืออยู่ในประเทศที่ Twitter ยังเน้นในการสร้างฐาน User ไม่ได้โชว์โฆษณาจึงไม่เอามานับรวม

วิเคราะห์หุ้น Twitter

ส่วนวิธีการทำเงินของ Twitter ก็มีลักษณะเดียวกันกับ Facebook คือเป็นการ Monetize ด้วยการยิงโฆษณา

Twitter มีรายได้จาก Advertising ราวๆ 87% ที่เหลือเป็นรายได้จาก Data Licensing อีก 13%

รายได้ของ Twitter 54% มาจากสหรัฐฯ 46% มาจากที่อื่น ในขณะที่สัดส่วนผู้ใช้ของ Twitter เป็นสหรัฐฯแค่ 20% เท่านั้น

ตรงนี้บ่งบอกว่าบริษัทอิงกับค่าโฆษณาในสหรัฐฯเยอะ และที่อื่นๆอาจจะไม่ได้โฆษณาใน Twitter เลย หรือไม่ก็ใช้น้อยกว่ามากๆ

ข้อเสียของระบบ Ads Server ของ Twitter คือมันทำ Direct Respond Ads ได้ไม่เก่งเท่าของ Facebook หรือ Snapchat

Direct Respond Ads คือระบบโฆษณาที่ลูกค้าสามารถตั้ง Objective ให้ได้เป้าหมายตามที่ต้องการเช่น ยอดการโหลด App เป็นต้น พอระบบ Direct Respond Ads ของ Twitter ไม่ดี Advertiser ก็ไม่ค่อยใช้ ทำให้สัดส่วนรายได้ของโฆษณาของ Twitter เป็น Brand Advertising 85% และเป็น Performance Ads 15% (Direct Response คือส่วนนึงใน Performance Ads)

นอกจากระบบ Ads ที่ตามชาวบ้านไม่ทันแล้ว ยังมี Architecture ของ Twitter ที่ล้าหลัง ทำให้การ Launch Product แต่ละครั้งช้า และไม่มีประสิทธิภาพ

จนมีคนบอกว่าถ้า Facebook คือ Move Fast and Break Things … Twitter น่าจะเป็น Move Slow and Don’t Break Anything เพราะที่ผ่านมา 3-4 ปี Twitter แทบไม่ได้มีอะไรใหม่ๆเลย

twitter-compare

การเติบโตที่ด้อยกว่า คุณภาพธุรกิจที่แย่กว่า หุ้นเล็กกว่าแต่ก็โตน้อยกว่าด้วย ปัญหาภายในองค์กรที่ดูแก้ปัญหาไม่จบไม่สิ้น

ครั้งหนึ่ง Mark Zuckerberg เคยพูดถึง Twitter ว่าเป็น “Twitter is such as mess — it’s as if they drove a clown car into a gold mine and fell in.” แปลเป็นไทยคือ “แกงค์ตัวตลกตกไปในขุมทอง” หมายความว่ามีอภิมหาสมบัติอยู่ในมือแต่กลับไม่รู้จักเอามันมาทำประโยชน์ 🤡🤡🤡

ข้อดีของ Twitter คือเป็น Social Media ที่มี Engagement ค่อนข้างสูงและมีความเหนียวแน่นมากๆ นึกถึงเหล่าสาวก K-Pop กลุ่มคนเทรดคริปโต จนไปถึงการพูดคุยกันเรื่องการเมืองในต่างประเทศ ที่ไม่ว่าประธานาธิปดีคนไหนก็ต้องใช้ Twitter

ไม่ใช่แค่ Mark Zuckerberg คนเดียวที่มองเห็น Hidden Value ของ Twitter และเคยพยายาม Takeover ถึง 2 ครั้ง แต่ Marc Benioff ของ Salesforce และ Bob Iger ของ Disney เองก็เคยคิดจะ Takeover Twitter เช่นแต่ก็ล้มเลิกด้วยเหตุผลเรื่อง Sexual Harassment ที่เคยเกิดขึ้นใน Twitter

อย่างไรก็ตามปัญหาทั้งหมดทั้งปวง ได้รับการแก้ไขแล้วจากการกลับมาเป็น CEO ของหนึ่งใน Twitter Co-Founder Jack Dorsey ในปี 2015

การกลับมาของ Jack Dorsey 🧔🏻

ตั้งแต่ Jack กลับมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่การเปลี่ยนผู้บริหาร ยันไปถึงการปรับปรุง Corporate Culture แบบ Upside-Down

Jack Dorsey

ปัญหาที่ทำให้ Twitter ไม่โตหลักๆมีอยู่ 3 อย่างคือ

1. การ Launch Feature ใหม่ๆของ Twitter ช้าเกินไป เกิดจากวัฒนธรรมองค์กรที่เสื่อมถอย และ Architecture ของ App ที่ไม่เอื้ออำนวย

ก็เลยเกิดเป็น Event ที่บริษัทตัดสินใจไม่ทำ Feature ใหม่ๆเลย แต่เน้นจัดการหลังบ้านให้จบก่อนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นในงบลงทุน R&D ของ Twitter ที่ลดลง

ค่าใช้จ่าย R&D ของ Twitter

2. Ads Server ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ Advertiser ไม่สามารถวัดประสิทธิภาพของ Ads ได้ จบง่ายๆที่การไม่ใช้ Twitter บริษัทเลยแก้ปัญหาด้วยการทำ Ads Server มันใหม่ซะเลย เริ่มต้นจาก 0 ทำให้ใช้เวลามาก

3. การเติบโตเข้าไปในใน Sector ใหม่ๆแทบไม่มีเลย ต่างกับ Facebook ที่มีการออก Feature ใหม่ๆ เช่น Marketplace และ Project Libra

การเติบโตครั้งใหม่ของ Twitter 🚀

Jack Dorsey จะรู้หมดแล้วว่าปัญหาของ Twitter คืออะไร ลงมือแก้ไข และในที่สุดผลของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของ Jack Dorsey เมื่อ 3-4 ปีก่อนเริ่มผลดอกออกผลให้เห็นแล้วในปี 2019

Twitter เริ่มกลับมามี mDAUS (Monetizable Daily Active Users) ที่เติบโตที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะ

Twitter DAUs

ตัดภาพมาปี 2021 หลังจากที่ Twitter ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ mDAU ในปี 2020 โตขึ้นมา 26.3% แม้ใน 1H2021 การเติบโตของ mDAU จะแผ่วลงไปเหลือ 206 ล้าน โต 10.7% YoY แต่ในครึ่งปีหลัง Twitter มีแผนที่จะ Launch Feature ใหม่ๆเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ Momentum การเติบโตของ mDAU ดีขึ้น

Feature ใหม่ของ Twitter จะทำให้เติบโตได้อย่างไร? 🌟

ผมคิดว่าสิ่งที่จะทำให้ Twitter เปลี่ยนยมาเติบโตอย่าง Aggressive ได้มีอยู่ 4 อย่างด้วยกัน เรียงลำดับตามสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะ Impact ในระยะสั้น-กลางมากที่สุด

1. Topics and Interest – Twitter หันมาให้ความสำคัญกับ Topics และ Interest มากขึ้น

2. Ads Server / MAP – ตอนนี้เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน Ads Revenue เติบโตขึ้น ทำ All Time High ไว้ได้ในไตรมาส 4 ปี

Ads Revenue

3. Twitter Space – เมื่อพฤษภาที่ผ่านมา Twitter Launch Space Feature ห้องเสวนาแบบเดียวกับ Clubhouse User ที่มากกว่า Twitter น่าจะได้เปรียบ Clubhouse ตรงนี้เต็มๆ ในเดือนสิงหาคม 2021 Clubhouse มีผู้ใช้ 10 ล้านคน แต่ mDAUs ของ Twitter มีมากกว่า 200 ล้านคน ขอคนใช้ 5% ก็เท่ากับ Clubhouse แล้ว

จุดเด่นของ Twitter Space คือ Space จะมีการทำเป็น Ticket Space ด้วยคือต้องจ่ายเงินถึงจะเข้าฟังได้ อารมณ์คล้ายๆเป็นสัมมนาออนไลน์ย่อมๆเลย

4. Super Follow / Tip Jar – อีก Concept ที่ Twitter พยายามต่อยอด Platform ของตนเองคือการทำให้คนที่มาใช้ Twitter สามารถหาเงินได้จาก Tweet หรือ Thread (บทความยาวๆหลาย Tweet ติดต่อกัน)

ต่อไปคนที่มี Followers มากๆจะสามารถเก็บเงินจาก Followers ที่สมัครเป็น Super Follow ได้ ลักษณะคล้ายๆ Substacks

5. Twitter Blue – Twitter เวอร์ชั่นพรีเมี่ยมที่มี Function พิเศษต่างๆ เช่น สามารถแบ่ง Bookmark เป็นหลายๆหมวดได้ สามารถ Undo Tweet ได้ และเพิ่ม Function Thread สำหรับ User ที่ชอบอ่านแบบบทความยาวๆ ให้อ่านได้ง่ายขึ้น

ราคาของ Twitter Blue อยู่ที่ $3 ต่อเดือน ข้อเสียของผู้สมัคร Twitter Blue คือแม้จะจ่ายตังค์ แต่ยังคงต้องโดนยิง Ads เหมือนเดิมนะครับ เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีคนสนใจสมัครมากแค่ไหน

สรุปรวมๆคือ เบอร์ 1 เรื่อง Topic และ Interest น่าจะช่วยให้คนมาใช้ Twitter มากขึ้น บ่อยขึ้น mDAU สูงขึ้น เบอร์ 2 การปรับ Ads Server จะช่วยเรื่องการเพิ่มยอดโฆษณา เบอร์ 4-6 ช่วยเรื่อง Retention, Engagement และ Monetization หรือการหารายได้เพิ่มเติมของ Twitter ซึ่งก็ไปตรงกับเป้าของ Jack Dorsey ที่จะทำให้รายได้ของ Twitter โต 1 เท่าตัวใน 3 ปี

งบการเงินของ Twitter 🔢

ไตรมาสล่าสุด Twitter มีรายได้เติบโตถึง 74% แต่ถ้าดูไปลึกๆจะเห็นว่าการเติบโตที่สูงมากๆในครั้งนี้ได้รับอานิสงค์มาจาก การลดลงของรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2021 จากวิกฤตโรคระบาดด้วย การเติบโตในไตรมาส 1 ปี 2021 น่าจะสะท้อนการเติบโตของ Twitter ได้ดีกว่าที่ 31%

ตัวเลข 30% นี้ใกล้เคียงกับเป้าการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้าของ Twitter ที่จะโตจาก 3,700 ล้านเหรียญ เป็น 7,500 ล้านเหรียญ ถ้าเป็นไปตามตัวเลขนี้รายได้ของ Twitter ควรจะเป็น…

  • 2020 – 3,700 ล้านเหรียญ
  • 2021 – 4,800 ล้านเหรียญ
  • 2022 – 6,200 ล้านเหรียญ
  • 2023 – 8,100 ล้านเหรียญ เกินเป้าของ Jack Dorsey ที่ตั้งไว้พอดี

ผมคิดว่าความท้าทายของ Twitter คือการ Drive รายได้ในระดับ 25% เป็นอย่างน้อย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าของ Jack Dorsey ซึ่งความหวังก็คงไปฝากไว้แถวๆ Feature ใหม่และ Ads Server ใหม่ที่ทยอย Launch ว่าจะ Impact แค่ไหน รวดเร็วทันใจ Wallstreet รึเปล่า

แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าในระยะสั้นอาจมีหลุมอากาศบ้าง จากอัตราการเติบโตที่ลดลง และต้องใช้เวลาซักระยะกว่า Feature ใหม่ๆจะเกิด Adoption แต่ระยะยาวผมคิดว่า Twitter มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นจากเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมามากพอสมควร

หุ้น Twitter แพงไหม? 👍

EV/Sales

ถ้าเทียบเชิง EV/Sales กับอัตราการเติบโตจะเห็นว่า ด้วยความที่ Twitter มีการเติบโตที่ต่ำที่สุดในกลุ่มหุ้น Social Media Multiple ของ Twitter ก็เลยต่ำตามไปด้วย

ปัจจุบันอยู่ที่ EV/Sales ประมาณ 12 เท่า เทียบกับ Pinterest ที่ 16 เท่า Snapchat ที่ 35 เท่า … แต่ด้วยความที่ทั้งสองตัวนั้นโตเร็วกว่าเยอะก็อาจจะสมเหตุสมผลประมาณหนึ่ง

Twitter แม้หุ้นยังไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่การเติบโตค่อนข้างน้อย … น้อยกว่า Facebook ที่เป็น Social Media Market Cap 1 ล้านล้านเหรียญ Twitter เป็นแค่ 1 ใน 20 ของ Facebook เท่านั้น

พอเทียบแบบนี้ก็พอเข้าใจละว่าทำไมตลาดให้มูลค่า Twitter ต่ำขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็น Social Media เหมือนกัน

และถ้าเทียบในมุมกว้าง กับหุ้น Technology In-General โดยเทียบด้วย EV/Sales กับ Market Cap จะเห็นว่า หุ้นตัวอื่นๆที่ Market Cap พอๆกับ Twitter โตมากกว่า Twitter ทั้งนั้น

EV/Sales - Market Cap

คำตอบของคำถามว่าหุ้น Twitter แพงไหม? คำตอบคือไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ แต่พอดูพื้นฐานและผลประกอบการที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่ามัน “สมฐานะ” ประมาณนึงอยู่เหมือนกัน

การซื้อหุ้น Twitter ในตอนนี้คือการเดิมพันว่า Twitter จะสามารถกลับมาเติบโตสูง ในระดับ 20-30% ได้อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหุ้นที่เติบโตสูงอีกครั้งนึง

ความเสี่ยงของหุ้น Twitter 🎃

1. ไม่มีอะไรมาการันตีว่า Feature ใหม่จะได้รับความนิยม และถึงได้รับความนิยมก็อาจจะต้องใช้เวลานาน

2. Ads Server ที่ปรับปรุงแล้วของ Twitter ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

3. Jack Dorsey ต้องดูแล 2 บริษัททั้ง Square และ Twitter เป็นงานที่ยากมากๆ

4. การแข่งขันของ Social Media โหดมากๆคู่แข่งแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น Facebook, Snapchat, Google (ในมุมของ Online Advertising)

5. ความเสี่ยงในเชิงตลาด Online Advertising ก็น่าสนใจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีวิกฤต งบการตลาดจะโดนตัดก่อนเป็นอันดับแรก

6. ผลประโยชน์จากวิกฤต COVID? ก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะพอคนอยู่บ้านจากการปิดเมืองก็มีเวลาเล่น Facebook ดู Netflix ติดตาม Twitter กันมากขึ้น แน่นอนว่ากลุ่มผู้ใช้ที่ Engage กับ Twitter เยอะๆเช่น K-Pop Gamer และกลุ่มเทรด Crypto ก็ต้องมากขึ้นด้วยแน่ๆ ถ้าเกิดการเปิดเมืองและกลับไปทำงานทำการ Engagement จากกลุ่มคนเหล่านี้อาจลดลงได้

สรุปหุ้น Twitter เป็นยังไง? 🙋

Twitter ถือเป็นหุ้นที่ผมจะยังติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปในอนาคตแน่ๆครับ Warren Buffett เคยบอกว่า ระหว่างผู้บริหารที่เก่ง กับบริษัทที่มี Business Model อันสุดยอด เขาจะเลือกอันไหน? แน่นอนว่าเขาเลือกบริษัทที่มี Business Model สุดยอดที่แม้แต่ผู้บริหารธรรมดาๆก็ทำให้มันประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องได้

ในกรณีของ Twitter ผมคิดว่า Jack Dorsey คือ CEO ที่เก่งมากๆแล้ว ในแนวทางของเขา เหลือที่ว่าจะ Drive Business ยังไงจาก Platform Social Media ที่ดูเหมือนอิ่มตัวให้กลับมาเติบโตใหม่ งานของ Jack Dorsey นี่เหมือนกลับมาพลิกโฉม Twitter เลยทีเดียว

ถ้าเชื่อว่า Jack จะปรับ Business ของ Twitter ให้กลับมาเป็นเจ๋งได้ การลงทุนครั้งนี้อาจจะเป็นหนึ่งครั้งสำคัญที่พลิกชีวิตกันได้เลยครับ

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้สามารถติดตามผ่าน FB Page: เทรนด์ลงทุน และ LINE@Trendlongtun ครับ

ใครชอบอ่านแบบละเอียดๆเป็น Research แนะนำไปอ่านที่ Deep Dive Analysis หุ้น Twitter ถูกและดี จริงหรือไม่? กันได้เลยครับ อย่าลืม Subscribe กันไว้ด้วยนะครับ ^^

ข้อมูลเพิ่มเติม

COMMENTS