Unity Software หุ้น 10 เด้งในอีก 5 ปีข้างหน้า? ลงทุนกับเทรนด์โลกคู่ขนาน Metaverse

HomeStock

Unity Software หุ้น 10 เด้งในอีก 5 ปีข้างหน้า? ลงทุนกับเทรนด์โลกคู่ขนาน Metaverse

Last Updated on 12/04/2021

Metaverse โลกคู่ขนานคืออะไร?

เคยได้ยินคำว่า VR AR MR กันไหมครับ? โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) โลกประสาน (Augmented Reality) และ โลกผสมผสาน (Mix Reality) พวกนี้ทั้งหมดคือโลกที่อยู่ในรูปแบบของโลกความจริงและโลกดิจิตอล โลกเสมือนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในการใช้โลกเหล่านี้คือพวกเกมส์ทั้งหลาย

เราจะเห็นว่าเกมส์ตอนนี้ไม่ใช่แค่เกมส์อีกต่อไปแต่เป็นสถานที่ๆหนึ่งในโลกดิจิตอลที่เราเข้าไปใช้ชีวิตและมีความสัมพันธ์กับสมาชิกในโลกเหล่านั้นได้ เช่น …

  • Fortnite จัดคอนเสริต์ Starwars ขึ้นมาในเกมส์ โดยไม่ต้องมีงานจริงๆ
  • Tinder ทำแอปให้คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเจอกันในโลกออนไลน์
  • Clubhouse ทำให้คนได้คุยกันแบบเรียลไทม์แม้ไม่เคยเจอหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว
  • IKEA ให้คนทำลองวาง Furniture ในบ้านตัวเองผ่านแอปได้โดยไม่ต้องมาร้าน
  • Taobao ใช้เทคโนโลยีให้คนช๊อปปิ้งผ่าน MR ลองเสื้อผ้าผ่านโลกออนไลน์

โลกดิจิตอลเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นไปอีกจากการมาของ 5G ซึ่งจะทำให้ความเร็วในใช้งานเร็วขึ้น ราคาที่ถูกลงของอุปกรณ์ที่ ทำให้คนเข้าถึงมากขึ้น สุดท้ายคนจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

อย่าลืมว่าตอนนี้คนส่วนมากในโลกใช้เวลาในโลกออนไลน์ถึง 6-9 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของชีวิตไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงการได้รับความยอมรับจากคนทั่วโลก

การใช้ VR AR และ MR กำเนิดคำศัพท์ใหม่ในโลกดิจิตอลขึ้นคือ XR หรือ Extended Reality โลกที่การปฏิสัมพันธ์ต่างๆได้รับการส่งต่อกันผ่านโลกทั้ง VR AR MR อย่างอิสระเสรี การซื้อของในโลก Digital คือการได้รับของในชีวิตจริง ความสัมพันธ์บนโลก Digital ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์บนโลกแห่งความจริง

การมาของ 5G จะทำให้ใครก็ตามที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ VR AR MR โตระเบิด และหนึ่งในบริษัทที่จะเติบโตมากที่สุดคือคนที่ทำธุรกิจที่เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือขุดทอง ของยุคตื่นทอง !

VR AR MR XR

บริษัทนั้นคือ Unity Software รายใหญ่ 1 ใน 2 ของโลก ผู้ให้บริการ Engine เบื้องหลังในการสร้างเกมส์และโลกคู่ขนาน เทียบเคียงกับบริษัทที่ทุกๆคนน่าจะรู้จักกันดีคือ Epic Game เจ้าของ Unreal Engine และเกมส์ Fortnite

แม้แต่ Mark Zuckerberg เองยังเคยล๊อบบี้ให้ Facebook เข้าซื้อกิจการของ Unity ในปี 2015 เพราะคิดว่า Unity จะเป็น The Next Gen ของ Technology หลังยุค Mobile Technology จนถึงตอนนี้ยังมีข่าวเรื่อง Take over มาเรื่อยๆนะครับ

ธุรกิจของหุ้น Unity เป็นยังไง

หุ้น Unity คือผู้นำ Platform ในการสร้างและจัดการงาน Content ประเภท Interactive media, Real-time3D สำหรับ Game Creators ทั่วโลก

ในอดีต Game Creators ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลานานมากในการสร้างเกมส์และเขียนสคริปทุกอย่างเอง Unity เข้ามาเป็น Engine ที่ทำให้ Game Creators สามารถเอาเวลาไปโฟกัสกับการสร้างเนื้อหาเกมส์ดีๆและรูปแบบการเล่นเจ๋งๆแทนที่จะต้องมานั่งเสียเวลากับการคำนวณหาว่า ถ้าจะยิงปืนแบบนี้วิถีกระสุนจะต้องโค้งแบบไหนถึงจะทำกราฟฟิคออกมาแล้วเหมือนจริง

unity business

เปรียบเทียบเหมือน Unity เป็น WordPress ของโลกแห่งเกมส์ โดยที่เจ้าของแค่ Focus อยู่กับการสร้างเนื้อหาดีๆ ส่วนเรื่อง Technical อื่นๆ Unity มีให้หมดแล้ว เหมือน WordPress ที่มี Plugin และ Widget ให้คนทำบล๊อคใช้ได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเขียน Code แม้แต่บรรทัดเดียว แต่ให้ผลเหมือนกัน

ปัจจุบัน Unity มีจำนวนผู้ใช้บน Platform สูงถึง 2.7 Billion MAU (Monthly Active User) ส่วนใหญ่คือคนที่เข้ามาเล่นเกมส์ที่ Creator ที่ใช้ Engine ของ Unity ทำ จำนวนผู้ใช้ระดับนี้ถือว่าสูงพอๆกับ Facebook เลยทีเดียว

Unity vs Unreal

จุดเด่นของ Unity เมื่อเทียบกับ Unreal ของค่าย Epic ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ ความง่ายในการเริ่มต้นและพัฒนาเกมส์ Unity มักจะเป็น Platform ที่โรงเรียนและคนที่เริ่มต้นใช้ อีกทั้งการพัฒนาเกมส์ 1 ครั้งจะสามารถ Deploy ออกไปได้มากถึง 20 Platforms ซึ่งตรงนี้สะดวกกับนักพัฒนาใหม่ๆมาก จึงทำให้ส่วนใหญ่แล้ว Unity มักจะถูกเอาไปใช้กับพวกเกมอินดี้ที่เป็น Studio ขนาดเล็ก เกม Cascual ที่เน้นเล่นบนมือถือ เช่น Temple Run, Pokemon Go

ส่วนจุดดีของ Unreal คือกราฟฟิคที่โหดกว่า และรายละเอียดที่สูงกว่า (พวกเน้น Photorealistic) แต่ก็มาพร้อมกับ Learning Curve ที่มากกว่าในการพัฒนาเช่นกัน Unreal เลยจะไปเด่นกับพวกเกมส์สาย Hardcore ทั้งหลาย เช่น Splinter Cell, Final Fantasy VII และ Infinity Blade

ส่วน Studio Game เจ้าใหญ่อื่นๆบางที่ก็สร้าง Engine ขึ้นมาใช้เอง เช่น Ubisoft Activision และ EA

Business Model ของ Unity

  1. Unity หารายได้ด้วย 2 วิธีด้วยกัน เก็บค่า Subscription คล้ายๆพวก Adobe หรือ Autodesk (Create Solution ราวๆ 30% ของรายได้)
  2. ส่วนแบ่งรายได้จากเกมส์ที่นักพัฒนาเกมส์สร้างขึ้นมาโดยใช้ Engine ของ Unity (Operate Solution ราวๆ 60% ของรายได้)

Unity Revenue

ตลาดของ Unity ปัจจุบันมี TAM อยู่ที่ 29 Billion โดยแบ่งเป็น Gaming 12 Billion และ non-gaming 17 Billion

game industry

แต่ Key point ของการลงทุนใน Unity ไม่ใช่เรื่องเกมส์ เพราะปัจจุบัน Studio เกมส์ใหญ่ๆทั้งหมดเป็นลูกค้าของ Unity เกือบหมดแล้ว ดังนั้นการเติบโตแบบโหดๆของ Unity จะมาจากการเติบโตใช้ VR AR MR ของอุตสาหกรรมอื่น

ฟังดูคุ้นๆไหมครับ? เหมือน Story ของ Nvidia สมัยที่เอาการ์ดจอ GPU ไปเล่นเกมส์อย่างเดียว แต่สุดท้ายเอามาใช้ขุด Bitcoin ทำ AI Machine Learning เอาไปใช้ใน Cloud Computing  ใช้ใน Autonomous Vehicle ด้วย ทำหุ้นขึ้นไปหลายสิบเด้ง ดังนั้น Key ของ Unity ในตอนนี้คืออุตสาหกรรมอื่นจะเอาไปใช้มากแค่ไหน?

Unity มีการประเมินไว้ว่า กว่า 60% ของ Content AR/VR ใช้ Unity เป็น Engine เบื้องหลัง ดังนั้นถ้าเกิดการใช้งาน AR/VR มากขึ้นคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ Unity

สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้คือสิ่งที่ตลาดกำลังคาดหวังจาก Unity และสาเหตุที่จะทำให้หุ้น Unity มีโอกาสขึ้นเป็น 10 เด้งได้ หรืออย่างน้อยๆก็น่าจะขึ้นไปอยู่ในระดับ Autodesk หรือ Adobe ที่มีโมเดลธุรกิจคล้ายๆกัน

*ณ.วันที่เขียน 15 มีนาคม 2564 หุ้นที่พูดถึงมี Market Cap ดังนี้

  • Unity (U) 29 Billion
  • Nvidia (NVDA) 318 Billion
  • Autodesk (ADSK) 59 Billion
  • Adobe (ADBE) 212 Billion
  • Roblox (RBLX) 38 Billion

อนาคตของ Unity เข้าสู่เทรนด์ Metaverse

โลกกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เทรนด์ Metaverse โดยมี COVID-19 เป็นตัวปลดล๊อค ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่าก่อนหน้านี้จะมีเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ Millennials ที่ใช้เทคโนโลยีหนักๆ แต่พอ COVID มา 1 ปีที่ทุกคนไปไหนไม่ได้ ก็เลยหันมาอยู่ในโลกออนไลน์กันมากขึ้น ผลของประเด็นนี้เลยทำให้คนแทบทุกคนในโลกได้ลิ้มลองและคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างดี ซึ่งอันนี้ปลดล๊อคเรื่อง Ability ในการใช้แล้ว

ปัจจัยต่อไปคือแล้วจะทำยังไงให้เทคโนโลยีมันดีและน่าดึงดูดจนคนใช้มากขึ้น ถี่ขึ้น Key สำคัญคือเรื่องความเร็วและความง่าย ความเร็วซึ่งกำลังจะถูกปลดล๊อคในไม่ช้าจากการ Roll-out 5G และหลังจากนี้ถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับผมเชื่อว่าระบบ Internet ไร้สายจะก้าวหน้าไปมากๆ เพราะรถยนต์ไร้คนขับมันต้อง Connect ตลอดเวลา สัญญาณเน็ตหายไม่ได้นะจ๊ะ แปลว่า Infrastructure ก็กำลังจะพร้อมแล้ว เร็ว แรง ไม่หลุด การใช้ AR VR MR ทำได้แบบง่ายๆแล้ว

AR VR Adoption

สุดท้ายผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือเรื่อง Use-case ปัจจุบันมีลูกค้าของ Unity ที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเกมส์อย่าง Toyota, Audi, Wallgreens, Snapchat, Microsoft User-case ที่เห็นก็เช่นการเอาไปใช้ในการทดลองเรื่องการออกแบบรถ การ Training พนักงาน ทำ Mix Reality ของ Hololens แต่การเอาไปใช้แค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นจุด Tipping Point ให้ Unity โตระเบิดได้ในความคิดของผม

Unity มีลูกค้ารายใหญ่ที่จ่ายเงินให้บริษัทมากกว่า 1 แสนเหรียญต่อปีอยู่ทั้งหมด 793 ราย รวมเป็นรายได้ 77% ของทั้งหมด ในกลุ่มนี่มี 121 รายที่จ่ายเงินให้บริษัทมากกว่า 1 ล้านเหรียญ 105 รายในนี้คือลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเกมส์ ราวๆ 13% จุดที่น่าสนใจคือเมื่อ 2-3 ไตรมาสก่อน ลูกค้าจ่ายเงินมากกว่า 1 ล้านเหรียญและไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเกมส์มีเพียง 8% เท่านั้น นับว่าโตค่อนข้างเร็วตรงนี้เป็นอีก Key หนึ่งที่ต้องจับตามองเลย

ส่วนจะไปหวังกับค่าโฆษณาหรือ Profit sharing จากคนที่เล่นเกมส์ที่ใช้ Engine Unity ก็ดูจะไม่ง่ายอีกเพราะก็มีคนเล่นไปแล้ว 2700 ล้าน Monthly Active User กว่า 93% ของ Studio Game ใหญ่ๆก็ใช้ Unity หมดแล้ว การโตในอุตสาหกรรมเกมส์น่าจะเป็นแบบเรื่อยๆมากกว่า โดยปี 2021 นี้อาจจะโตน้อยหน่อยเพราะเปิดเมืองก็ต้องมีคนส่วนหนึ่งกลับไปทำงานเล่นเกมส์น้อยลง

สรุป Guidance ที่น่าสนใจของปี 2021

ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดผนวกกับ Guidance ของบริษัทที่คาดว่ารายได้จะโต 23-26% จากปี 2020 ที่โต 42% อาจจะทำให้นักลงทุนผิดหวังและเป็นเหตุผลให้หุ้นลงมาจาก 174 เหรียญ ลงมาเหลือ 102 เหรียญ ราวๆ 41% จากจุดสูงสุด

Non-GAAP Operating Margin ที่ทรงตัวติดลบ 5-9% ตลอดทั้งปี 2020 อาจจะกลับไปติดลบ 9-11% มากขึ้น

บริษัทมีแนวทางในการโฟกัสกลุ่ม E-commerce และ Automotive มากขึ้น ดังนั้นอนาคตของ Unity น่าจะอิงอยู่กับ 2 อุตสาหกรรมนี้พอสมควรว่าจะมี Use case แบบไหน และใช้กันแพร่หลายมากเท่าไหร่

Unity ยังคงตั้งเป้าหมาย FCF ขึ้นเป็นบวกปลายปี 2023 ซึ่งสิ่งที่จะทำให้ FCF เป็นบวกได้นั้นหลักๆจะมาจากการเติบโตของรายได้ และปัจจัยที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงอย่างเช่นการขึ้นราคา ซึ่ง Unity เองก็พึ่งขึ้นราคาไปเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา

ความเสี่ยง

ความเสี่ยงของ Unity ระยะสั้นๆมีอยู่ 2 เรื่องคือ เรื่อง IDFA คือการปรับนโยบายการแชร์ข้อมูลของ Apple ซึ่งอาจทำให้รายได้ของ Unity ลดลงได้ (บริษัทบอกว่ากระทบประมาณ 30 ล้านเหรียญ ถ้าเป็นจริงก็อาจจะแทบไม่ได้กระทบเลยนะครับ)

อีกเรื่องคือ Engagement ของ Gamer ที่มีแนวโน้มต่ำลงในปีนี้ จากการกลับมาเปิดเมือง (Gamer กลับไปทำงานหมดมีเวลาเล่นเกมลดลง) และการมี Game Console โหดๆออกในปีนี้เช่น Xbox และ PS5

สุดท้ายการที่ Unity จะกลายเป็น Adobe, Autodesk หรือ Nvidia อยู่ที่หลายๆปัจจัย แต่ผมมองว่าสำคัญที่สุดคือการที่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เกมส์ Adopt ใช้ Engine ของ Unity มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตลาดเกมส์อาจจะต้องดูว่ามีคู่แข่งรายใหม่ๆเกิดขึ้นมาหรือไม่? เพราะอย่าง Unreal เองตอนแรกๆก็ไม่ได้เอา Engine มาให้คนอื่นใช้ ส่วนปัจจัยอย่างรายได้หรือกำไรสุดท้ายคงตามปัจจัยข้างบนครับ

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ

และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ

COMMENTS