ไปเที่ยวได้ยัง? วิเคราะห์หุ้น AOT ดีไหม? เมื่อการท่องเที่ยวคือสิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุด การกลับมาเติบโตของ AOT

HomeStock

ไปเที่ยวได้ยัง? วิเคราะห์หุ้น AOT ดีไหม? เมื่อการท่องเที่ยวคือสิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุด การกลับมาเติบโตของ AOT

Last Updated on 31/08/2021

หลังจากวิเคราะห์หุ้น Airbnb ไปแล้วเจอว่าไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ Airbnb ทำจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท จากบริษัทที่เคยโดนกระทบอย่างหนักจากวิกฤต ตอนนี้กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้ผมตั้งคำถามกับตนเองว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่การท่องเที่ยวจะกลับมาแบบ … จริงๆซักที

ABNB Earning Call

พอคิดแบบนี้เลยเป็นเหตุที่ทำให้ผมกลับมาดูหุ้น AOT อีกครั้ง ในฐานะหุ้นที่เคยใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถึงตอนนี้จะเป็นเบอร์ 2 แต่ผมก็เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะกลับไปเป็นเบอร์ 1 ในที่สุด ซึ่งก็ดูเหมาะกับประเทศไทยดี เพราะเราเป็นประเทศที่เน้นการท่องเที่ยว

จะว่าไป Earning Call ของ Airbnb ยังบอกอีกว่าการท่องเที่ยวคือสิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุด ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ AOT จะกลับไปเติบโต?

จะว่าไปถ้าดูราคาหุ้น AOT ย้อนหลัง 5 ปี จะเห็นว่าหุ้นขึ้นมาประมาณ 50% ผลตอบแทนใช้ได้ แต่คิดว่าถ้าไม่มีวิกฤต และการเติบโตของ AOT เป็นไปตามแผนน่าจะได้มากกว่านี้?

AOT Price Chart

ถ้าดูในมุมของราคา ราคานี้คือราคาต่ำสุดของเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (ไม่นับช่วงวิกฤต) ดังนั้น Common-Sense หุ้นถึงแม้จะไม่ถูกมาก แต่ก็ไม่ได้แพง

ดังนั้นมาดูกันดีกว่าครับว่า ถ้าซื้อ AOT ที่ราคานี้เราควรคาดหวังอะไรบ้าง?

สิ่งที่น่าสนใจของหุ้น AOT

  • เป็นหุ้นที่ค่อนข้าง Low Expectation คือความเสี่ยง 70-80% ถูก Price in ในราคาแล้ว
  • การเติบโตน่าจะกลับมาเติบโตได้ต่อเนื่องหลังจากปี 2565 เป็นต้นไป
  • ปี 2564 จะเป็นปี Bottom ของผลประกอบการของ AOT
  • การท่องเที่ยวน่าจะยังอยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป การเดินทางด้วยเครื่องบินน่าจะยังอยู่ ดังนั้น AOT ก็น่าจะไม่กระทบอะไรมาก
  • แผนการเติบโตยังคงเหมือนเดิม แม้จะมีการปรับแผนบ้าง

AOT Growth Plan

หุ้น AOT ทำธุรกิจอะไร?

หุ้น AOT ทำธุรกิจบริหารจัดการสนามบิน ทั้งผู้โดยสาร การขึ้นลงของเครื่องบิน สายการบินต่างๆ รวมไปถึงให้เช่าพื้นที่ในบริเวณของสนามบินแก่ร้านค้าต่างๆเช่น King Power

รูปแบบการรับรู้รายได้ของ AOT มีอยู่ 2 แบบคือ

1. รายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน เช่น ค่าบริการผู้โดยสารขาออก ที่เรียกๆกันว่าภาษีสนามบิน ค่าบริการสนามบิน และค่าเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ อันนี้สายการบินจ่ายเป็นค่าลงจอด ค่าใช้งวงช้าง ค่าใช้สายพานขนกระเป๋า

Aero Revenue

2. รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน เช่น รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ เวลา King Power ขายของได้ต้องแบ่งให้ AOT รายได้ค่าบริการ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ลิมูซีน และค่าเช่าพื้นที่ที่สายการบินต่างๆมาเช่าไว้

Non-Aero Revenue

ในปี 2562 AOT มีรายได้จากส่วนแบ่งรายได้ราวๆ 30% จากรายได้ค่าธรรมเนียมจากผู้โดยสาร 40% รายได้ ค่าธรรมเนียมลงจอด 12% รายได้ค่าบริการ 12% รวม 94%

นึกภาพช่วงต้นปี 2563 นะครับ รายได้เหล่านี้หายหมดเลย เพราะเกิดการปิดเมืองเป็นระลอกๆหลักจากนั้นเป็นต้นมา กระทบรายได้ AOT หนักมาก จนปัจจุบันสัดส่วนรายได้เพี้ยนไปมาก

9M2564 รายได้ที่ใหญ่ที่สุดคือรายได้ค่าบริการน้ำไฟ 26% รายได้ค่าเช่า 19% ส่วนแบ่งรายได้ 19% ค่าธรรมเนียมจากผู้โดยสาร 18% รายได้ค่าธรรมเนียมลงจอด 13% กลายเป็นรายได้บริการใหญ่สุดซะงั้น สาเหตุมาจากไม่มีใครบินผู้โดยสารลดลงนี่เอง

สรุปรวมๆกลายเป็นรายได้จากการบินเหลือ 35% รายได้ที่ไม่ใช่การบิน 65% กลายเป็นบริษัท ขายของ กับเช่าที่แข่งกับ CPALL ไปแล้ว 555

ปัจจุบัน AOT มีผู้โดยสารบินเดือนละราวๆ 3 ล้านคน จากในปี 2562 ที่อยู่ที่เดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน พอนึกภาพกันออกนะครับว่าถูกกระทบมากแค่ไหน

AOT Net Income

AOT เป็นเจ้าของสนามบินให้บริการอยู่ 6 แห่ง จากที่ทุกที Over Utilization ตอนนี้กลายเป็นแต่ละสนามบินมี Utilization ที่ต่ำมากๆ ข้อมูลของปีที่แล้วนะครับ คิดว่าปี 2564 ปัจจุบันน่าจะต่ำกว่าเดิมโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว

  • สุวรรณภูมิ BKK Cap 45 ล้านคน เดินทางจริง 30 ล้าน
  • ดอนเมือง DMK Cap 30 ล้านคน เดินทางจริง 22 ล้าน
  • เชียงใหม่ CNX Cap 8 ล้าน เดินทางจริง 6.2 ล้าน
  • หาดใหญ่ HDY Cap 2.5 ล้าน เดินทางจริง 2.4 ล้าน
  • ภูเก็ต HKT Cap 12.5 ล้าน เดินทางจริง 9 ล้าน
  • แม่ฟ้าหลวงเชียงราย CEI Cap 3 ล้าน เดินทางจริง 1.8 ล้าน

SVB Cap

อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะพอเห็นภาพแล้วว่าสถานการณ์ปัจจุบันของ AOT เป็นยังไง​ นอกจากวิกฤตนี้แล้วยังโดน Effect ของการบริการจัดการวัคซีนที่ล่าช้า จนเกิดการระบาดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า การทำ Phuket Sandbox ที่ประสบปัญหา

AOT Revenue

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ทำให้ผมคิดว่า … มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกไหม? คำตอบคือก็มีได้ แต่ผมเดาว่าสถานการณ์มีโอกาสดีขึ้นมากกว่า และจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยคิดว่าต้องติดตามหุ้นท่องเที่ยวใกล้ชิดนิดนึง

เพราะจริงๆแล้ว AOT ก็มีปัจจัยเติบโตของมันเองอยู่ไม่น้อย

การเติบโตของ AOT

หลักๆการเติบโตของ AOT ผมคิดว่ามาจากการเปิดเมือง แต่ถ้าไปซื้อตอนเปิดเมืองหุ้นน่าจะขึ้นไปเยอะแล้ว

อย่าลืมนะครับว่าหุ้นวิ่งนำหน้าตลาดเสมอ เพราะเทรดอยู่บนความคาดหวังในอนาคต 6-12 เดือนข้างหน้า

จังหวะในการซื้อที่ดีที่สุดน่าจะเป็นจังหวะที่ “มีโอกาสกลับมาเปิดเมืองสูง” สังเกตดูทุกๆครั้งที่มีการระบาดรอบใหม่ๆหุ้น AOT และสายท่องเที่ยวจะตก แต่หลังจากนั้นก็จะค่อยๆไต่กันกลับขึ้นมา อันนี้เป็นมุมมองระยะสั้น

ส่วนมุมมองระยะยาวผมยังมองว่าประเทศไทยมีสินทรัพย์ที่ดูอยู่คือ ชายหาด เกาะต่างๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมที่โคตรแตกต่างจากโลกตะวันตก ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อาจจะไม่ได้สวยสุด แต่รวมๆแล้วน่าค้นหาสำหรับชาวต่างชาติ

การท่องเที่ยวในไทยก็น่าจะยังอยู่ไปได้อีกนาน ไปดูหนังฝรั่งเรื่องไหนมีแต่พูดถึงประเทศไทยกันเยอะมาก ทั้งเรื่องดีและไม่ดี 555 แต่ยุคนี้ โดนพูดถึงดีกว่า ไม่มีใครพูดถึงนะครับ

เมื่อก่อนผมดู Prison Break ก็พูดถึงประเทศไทย ปัจจุบันมาดู Money Heist ก็ยังพูดถึงประเทศไทยอยู่ ความน่าค้นหาของประเทศไทยนี่แข็งแกร่งมากๆ

ดังนั้นถ้าเรา Assume ว่าคนจะยังอยากเที่ยวประเทศไทยอยู่ การฟื้นตัวก็เดี๋ยวมาเอง ตอนนี้ต่างประเทศเปิดเมืองหมดแล้ว ถ้า Delta ไม่หนักจนถึงกับเอาไม่อยู่ ผมเชื่อว่าการเปิดเมืองของประเทศไทยใกล้เข้ามาแล้ว

ส่วนแผนการเติบโตของ AOT ก็ยังคง On the Table นะครับ โดยทาง AOT มีแผนในการขยายท่าอากาศย่านต่างๆดังนี้

สุวรรณภูมิ จากรับคนได้ 45 ล้านคนเป็น 150 ล้านคนในปี 2573 ค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นไป ปี 2064 นี้จะปรับขึ้นมารับได้ 60 ล้านคน จากการเปิดสุวรรณภูมิเฟส 2

  • ดอนเมือง จาก 30 ล้านคน ปรับเป็น 40 ล้านคนในปี 2569
  • ภูเก็ตจาก 12.5 ล้านคนเป็น 18 ล้านคนในปี 2567
  • เชียงใหม่จาก 8 ล้านคนเป็น 16.5 ล้านคนในปี 2567
  • หาดใหญ่ 2.5 ล้านคนเป็น 10.5 ล้านคน ในปี 2568
  • แม่ฟ้าหลวง 3 ล้านคนเป็น 5.2 ล้านคนในปี 2576

Expansion plan

ในจำนวนนี้ผมมองว่าสำคัญที่สุดคือสุวรรภูมิ เพราะเป็นท่าอากาศยานหลัก ดังนั้นการกลับมาของ AOT ครั้งนี้จะไม่เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในแผน และกำลังก่อสร้าง เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาแผนที่ว่ากำลังจะสร้างเสร็จ และรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

โดยทาง AOT ได้ประเมินไว้ว่าน่าจะเห็นนักท่องเที่ยวกลับมาเติบโตเริ่มต้นจากปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยจะมีรายได้ One-Time เรื่องการกลับรายการค่าเช่ากรมธนารักษ์ในช่วงปลายปีมาเป็น ส่วนช่วงให้รายได้ดีดตัวกลับเร็วขึ้นครับ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ที่ผ่านมา AOT มีการช่วยเหลือผู้เช่าและสายการบินต่างๆ ดังนั้นรายได้ที่ได้รับในช่วงที่ผ่านมามันน้อยกว่าปกติแน่นอน แต่ส่วนใหญ่แล้วเงื่อนไขในการช่วงยเหลือจะเริ่มทยอยหมดอายุตั้งแต่เดือน มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

ดังนั้นต้นปีหน้าเราน่าจะเริ่มเห็นกำไรของ AOT ฟื้นตัวอย่างชัดเจน และจะเห็นการฟื้นตัวชัดๆอีกครั้งเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาอยู่ในระดับ 66 ล้านคนขึ้นไป เพราะจะไปปลดล๊อคเงื่อนไขการจ่ายขั้นต่ำของ King Power ครับ รวมๆแล้วประมาณ​ 2 หมื่นล้านบาท ช่วงปี 2567-2568 (ยกเว้นการท่องเที่ยวกลับมาแรงจริงๆอาจจะถึงเร็วกว่านั้น)

หุ้นราคานี้แพงไปไหม?

ถ้าเราดูกันในอดีตจะเห็นว่า AOT Trade อยู่ที่ P/E 35-45 เท่า ตอนนี้ถ้าผม Assume ว่ารายได้และกำไรของปี 2562 มาคิดเป็นของปี 2566 AOT จะเทรดอยู่ที่ Forward P/E แถวๆ 34 เท่าพอดีๆ

ส่วนตัวคิดว่าไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แพง เพราะการเติบโตมันกำลังเริ่มกลับมาแล้ว จะไปคาดหวัง P/E 25 แบบช่วงต้นปี 2563 น่าจะลำบากแล้ว

AOT PE

ความเสี่ยงของหุ้น AOT

ความเสี่ยงของหุ้น AOT ก็เดิมๆครับ การกระจายวัคซีน การเกิดของสายพันธุ์ใหม่ จริงๆตอนนี้ต่างประเทศเริ่มเปิดเมืองแล้วผมว่าเราดูต่างประเทศเป็นตัวอย่างได้นะครับ ว่าความเสี่ยงมันมีอะไรบ้าง ก็ติดตามไม่ยากครับ

สิ่งที่เดายากคือ AOT จะมีแพคเกจช่วยเหลือผู้เช่าและสายการบินเพิ่มเติมอีกหรือไม่? เพราะถ้าเกิดขึ้นก็น่าจะมีการ Sell-Off อีกครั้งนะครับ อันนี้ประเมินยากจริงๆครับ

การเปิดเฟสใหม่ของสุวรรณภูมิน่าจะมีค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมเข้ามาก่อน ถ้าถึงตอนนั้นนักท่องเที่ยวกลับมาแล้วก็น่าจะกระทบไม่มากครับ ผม Weight การกลับมาของนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ถ้ายังไม่กลับมาก็คงกระทบพอสมควร

สรุปหุ้น AOT

ผมชอบความเห็นใน Paper ของ Asiaplus ครับ เขาบอกว่าการซื้อหุ้น AOT เป็นการเล่นหุ้นที่ ฟื้นช้า แต่ฟื้นชัวร์ การเข้าไปลงทุนตอนนี้ผมเชื่อว่า 2-3 ปีน่าจะมีโอกาสขาดทุนน้อย ถ้าไม่มีสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีก … แต่เอาจริงๆถึงมันเกิดขึ้น ผมเชื่อว่ามนุษย์ก็จะหาวิธีใช้ชีวิตอยู่กับมันจนได้แหละ เพราะที่ผ่านมาเราก็ปรับตัวกันมาตลอด

ออกไปเที่ยวไม่ได้ ของรีวิวหุ้นท่องเที่ยวก็ยังดีครับ 555

ส่วนใครสนใจหุ้นท่องเที่ยวผมมีเขียนวิเคราะห์ไว้อีก 2 ตัวนะครับ คือ หุ้น SHR และ หุ้น ABNB สำหรับคอหุ้นต่างประเทศ

ช่องทางติดตาม

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ

และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ

COMMENTS