วิเคราะห์หุ้น SHR ทำอะไร? หุ้นโรงแรมที่คนยังมองข้าม? หุ้นโรงแรม UK + Maldives รับนักท่องเที่ยวยุโรป รายได้ 90% อยู่นอกประเทศไทยแล้ว

HomeStock

วิเคราะห์หุ้น SHR ทำอะไร? หุ้นโรงแรมที่คนยังมองข้าม? หุ้นโรงแรม UK + Maldives รับนักท่องเที่ยวยุโรป รายได้ 90% อยู่นอกประเทศไทยแล้ว

Last Updated on 19/09/2021

ผมเคยเขียนถึง SHR ไปแล้วรอบนึงครับ ตอนนี้ผ่านมาประมาณ​ 2-3 ไตรมาส หุ้นตัวนี้มีอัพเดทที่น่าสนใจพอสมควร

ขอเท้าความก่อนว่าเมื่อก่อน SHR มีโรงแรมในไทยเป็นหลักครับ

แต่พอเข้าตลาดหุ้นมาก็มีโรงแรมเปิดใหม่ที่ Maldives เป็นโครงการชื่อ Crossroad อารมณ์เป็นเกาะจำลองที่มีราคาถูกกว่าเกาะส่วนใหญ่ของ Maldives

โรงแรมที่ Maldives เอาหรูๆน่าจะคืนละ 20000-30000 บาท Crossroad นี่เรทอยู่ประมาณ 8000-12000 ครับ แถมไม่ต้องนั่ง Sea Plane ลดค่าใช้จ่ายได้อีก

ซึ่งถ้า Crossroad ทำ Utilization ได้ซัก 70-80% นี่จะมีรายได้พอๆกับโรงแรมไทยของ SHR เลย

แต่ๆปัจจุบัน SHR มีการซื้อหุ้นโรงแรมที่ UK มาเพิ่มเป็นถือ 100% เป็นโรงแรม Mid-High เน้น Domestic ครับ กลุ่มนี้ถ้า Occupancy ดีๆจะทำรายได้ดีกว่าโรงแรมไทย และโรงแรมใน Maldives ซะอีกครับ

นี่คือความน่าสนใจคร่าวๆของหุ้น SHR ทีนี้เรามาดูกันว่าสถานการณ์ปัจจุบันของ SHR เป็นยังไงบ้างแล้ว

กราฟหุ้น SHR

ธุรกิจของหุ้น SHR โดยสรุป

หุ้น SHR ทำธุรกิจโรงแรมครับ โดยถ้านับตามจำนวนห้องจะได้ตามนี้

UK 66% – 2990 ห้อง 28 โรงแรม เป็นโรงแรมระดับ Mid-Tier ADR ต่อคืนประมาณ 2,000-3,000 บาทเน้นกลุ่ม Domestic เป็นหลักครับ โดยเชนที่บริหารอยู่คือ Mercure และ Holiday Inn ครับ

Thai 13% – 604 ห้อง 4 โรงแรม เป็น High-end Resort ต่อคืนประมาณ 7000-8000 บาท อยู่ตามเกาะของไทยเช่น พีพี สมุย เมื่อก่อน Outrigger บริหาร แต่หลังวิกฤต SHR เอามาบริหารเองหมดแล้ว

Maldives 9% – 429 ห้อง 3 โรงแรม คือ SaiiLagoon, Hard Rock Hotel และ Konotta Maldives ทีเปิดไปแล้ว และ SO Maldives อีก 80 ห้อง ซึ่งกำลังจะเปิดในปี 2566 ของ Maldives คือจะเน้นเป็น Villa บนน้ำสไตล์ Maldives ครับ

Fiji 7% – 318 ห้อง มี 2 โรงแรมคือ Outrigger Fiji และ Cast Away Island

Mauritius 4% – 181 ห้อง มี 1 โรงแรมคือ Outrigger Mauritius Beach

โรงแรมส่วนใหญ่ของ SHR อยู่ในระดับ Upper – Luxury ยกเว้นที่อังกฤษที่เป็นสไตล์ Midscale มีลูกค้าเป็น Asia 50% และ 38% Europe เป็นหลัก อันดับสามคืออเมริกันที่ 9% อันนี้ต้อง Note ไว้นะครับตอนนี้ Europe เปิดเมืองแล้ว สัดส่วนน่าจะเปลี่ยนไป

ณ.ไตรมาส 2 ปี 2021 รายได้ของ SHR มาจาก UK 58% Maldives 35% Thai 5% และ Fiji 1% ครับ

ธุรกิจของ SHR

รายได้จาก UK เพิ่มมาเยอะเพราะเมื่อก่อนโรงแรม UK ของ SHR รับรู้รายได้เป็นส่วนแบ่งรายได้ครับ ตอนนี้ซื้อมาถือหุ้น 100% แล้วเลยรวมเข้ามาในงบรวม

จะเห็นว่าแม้ SHR จะเป็นหุ้นที่ Listed อยู่ในตลาดหุ้นไทย แต่พอดูรายได้ตอนนี้จะเห็นว่ารายได้หลักมาจาก UK รองมาคือ Maldives สองที่นี้เกิน 90% ของรายได้ทั้งหมดไปแล้ว

สาเหตุหนึ่งก็เพราะประเทศไทยเราเจอเวฟ 3 เวฟ 4 ไปเรื่อยๆ เปิดๆปิดๆ ธุรกิจโรงแรมไทย ที่เคยเป็นสัดส่วนสูงถึง 40-50% ในอดีตก็เลยไม่ฟื้นซักที ซึ่งถึงจุดๆหนึ่งมันก็ต้องฟื้นใช่ไหมครับ?

ตรงจุดนี้แหละก็เป็นประเด็นหลักอันนึงที่ทำให้ผมยังสนใจติดตาม SHR อยู่

สิ่งที่น่าสนใจในไตรมาส 2 ปี 2021

SHR ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ลดจากปีที่แล้วไป 35% ดังนั้นการกลับมาเปิดโรงแรมรอบนี้จะมีจุดคุ้มทุนที่ต่ำลงครับ ถ้า Demand มาเยอะมากๆอาจจะทำให้ Margin ดีดสูงและกำไรดีได้เลย

มีการซื้อโรงแรมเข้ามาเพิ่มคือกลุ่มโรงแรมใน UK ซึ่งตรงนี้มีทั้งหมด 27 โรงแรม แต่โรงแรมที่ทำรายได้ 60-70% ของ UK คือ Top 10 เท่านั้น ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะเข้าไปปรับปรุง และขายโรงแรมที่ไม่ทำกำไรทิ้งไป เบื้องต้นมี 4-5 โรงแรมครับ

ไตรมาส 1 ขายไปแล้ว 1 โรงแรมคือ Mercure Newbury Elcot Park 73 ห้อง ขายไป 180 ลบ. ถ้าภายใน 1-2 ปีนี้จะขายอีก 3-4 โรงแรมก็น่าจะได้เงินมาอีกแถวๆ 1000 ลบ. ซึ่งเงินที่ได้จะเอามาใช้ Renovate โรงแรมที่บริษัทคิดว่า Renovate ได้ครับ ดังนั้น 1-2 ปีข้างหน้าจะเห็น Performance ของกลุ่มโรงแรมใน UK ดีขึ้น

Maldives โรงแรมใหม่ และ​ GDP ประเทศ Maldives อิงอยู่กับท่องเที่ยว 80% ดังนั้นรัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางให้เปิดประเทศได้ครับ จะเห็นว่าก่อนหน้านี้ที่มีอินเดียระบาดใหม่ รัฐบาล Maldives รีบปิดเลย ไตรมาส 3-4 จะเห็นของจริงว่า Maldives ทำได้ดีแค่ไหน

มียกเลิกสัญญากับ Outrigger เอาโรงแรมมาบริหารเองภายใต้แบรนด์ Saii ที่เพิ่งสร้างใหม่ และกำลังจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 1 แบรนด์คือ Nabor อันนี้เอามาเน้นโรงแรมระดับกลาง

SHR มีแผน 5 ปีที่จะเพิ่มโรงแรมในพอร์ตเป็น 82 แห่ง 9000 ห้อง จากที่มีอยู่ตอนนี้ 38 โรงแรม 4522 ห้อง มีทั้งลงทุนเองและรับจ้างบริหาร ตรงนี้ทำให้ผมนึกถึง CENTEL สมัยก่อนที่เปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของโรงแรมมารับบริหาร

เป้ารายได้ปี 2021 4000-4500 ลบ. ปี 2022 น่าจะได้แถวๆ 5000-5500 ลบ. ในกรณีที่ยังไม่สามารถเปิดเมืองได้เต็มที่

ประเมินรายได้โรงแรมของหุ้น SHR

สถานการณ์ในอนาคตของ SHR มีแนวโน้มน่าจะดีขึ้น แต่อะไรทำให้ SHR ยังเทรดที่มูลค่าต่ำกว่า Book Value ในขณะที่โรงแรมอื่นๆเทรดมากกว่า Book Value ไปกันหมดแล้ว?

ในจำนวนหุ้นโรงแรมของไทย ถ้าเทียบด้วย P/BV SHR ถือว่าถูกสุดเป็นอันดับสองรองจากหุ้น ASIA แต่ถ้าเอาไปเทียบกับหุ้นที่มีรายได้และ Market Cap ใกล้ๆกันเช่น ERW หรือ DUSIT SHR ถูกที่สุดแล้ว

SHR Compare

 

คุยๆกับหลายคนก็บอกว่า SHR ซื้อโรงแรมมาในราคาที่แพงเกินไป ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็ Takeover จากบริษัทแม่ ซึ่งก็คือ Singha มาทั้งนั้น ทำให้ราคามันโอเวอร์ P/BV ก็เลยดูราคาถูก ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะด้วยระดับรายได้และกำไรของ SHR มันดูน้อยกว่าที่มูลค่าสินทรัพย์ใกล้เคียงกัน

และที่สำคัญตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดมากยังไม่เคยมีกำไรแม้ไตรมาสเดียวซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการบริหารที่ดีไม่เท่าเพื่อนๆบริษัทอื่น

ในมุมผมคิดว่า SHR ทำได้ 4-5 อย่างเพื่อปลดล๊อคมูลค่าของตนเองออกมา

1. เพิ่มระดับ OCC และ ADR ของโรงแรมของตนเอง แต่มุมนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะมันมี Factor ของตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนมาเที่ยวเยอะน้อย จ่ายถูกจ่ายแพง ส่วนใหญ่ๆเลยมันคือเศรษฐกิจดีหรือไม่? คู่แข่งในพื้นที่เยอะรึเปล่า คุมยากมากๆ

SHR สามารถทำการตลาดสร้างความแตกต่างให้โรงแรมได้ซึ่งบริษัทเองก็กำลังทำอยู่ อีกมุมคือการโปรโมทโรงแรมใหม่ๆอย่าง Saii แต่ผมว่าไม่น่าเป็นปัญหามาก เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควร

2. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน อันนี้ทำได้ ซึ่งบริษัทก็ทำไปแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ทีนี้เหลือรอดูผลว่าพอนักท่องเที่ยวกลับมา อัตราการทำกำไรของ SHR จะเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย จริงๆจุดนี้สำคัญเพราะ Key หลักใหญ่ๆของการซื้อโรงแรมใน UK ของ SHR คือการเอามาเพิ่มประสิทธิภาพ ขายของไม่ดีทิ้ง เก็บของที่ดีไว้ ของกลางๆเอามาลงทุนปัดฝุ่นใหม่ให้ดีขึ้น ต้องนี้ต้องดูตรงระดับ EBITDA ว่าปีนี้ดีขึ้นแค่ไหน ส่วนใหญ่อยู่กันที่แถวๆ 30%

3. ก่อหนี้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้จากเงินลงทุน อันนี้บริษัทก็กำลังทำอยู่ เช่นการซื้อโรงแรม แต่ก็ต้องซื้อแบบสมเหตุสมผลด้วย ตรงนี้ตอบยาก

เพราะที่ผ่านมาบริษัทซื้อมาเหมือนจะแทบไม่ทำกำไรซักโรง มีที่สร้างใหม่อย่าง Saii Lagoon และ Hard Rock ที่ดูมีอนาคต โรงแรมกำไรดีๆก็คงไม่มีใครอยากขาย บางทีวิกฤตที่ผ่านมาอาจจะเป็นโอกาสให้ SHR ได้ซื้อของที่ราคาดีขึ้นก็เป็นได้? ก็ต้องอย่าลืมด้วยว่าแล้วดอกเบี้ยที่ตามมาคุ้มค่ากันไหม

4. ปรับ Business Model อันนี้บริษัทก็ทำอยู่ เช่นการเริ่มรับจ้างบริหารโดยใช้แบรนด์ Saii และแบรนด์ใหม่ Nabor ที่กำลังพัฒนาอยู่ แต่ก็ยังไม่เห็นผลใดๆ

5. ช่วยเริ่มมีกำไรได้มั้ย? อันนี้ผมลองประเมินแบบมองโลกในแง่ดีสุดๆแล้วในปี 2022 ถ้าการท่องเที่ยวกลับมาจริงๆในระดับใกล้เคียงปี 2019 อาจจะช่วยให้ SHR กลับมามีกำไรได้ประมาณ 300-500 ลบ. ถ้าเทียบ Market Cap ตอนนี้ก็แถวๆ Forward P/E 25-40 เท่า ดูไม่ถูกเท่าไหร่

SHR Best Case

SHR Yuanta 1

แล้วทำไมหุ้นขึ้น?

มีความเป็นไปได้ 2-3 มุมครับ

1. หุ้น SHR กำลังจะ Turnaround มาทำกำไรปกติได้แบบที่เพื่อนๆเขาทำกัน EBITDA Margin จะขึ้นไปอยู่ที่ 30% แบบนิ่งๆแล้ว ถามว่าเป็นไปได้ไหม? เป็นไปได้อยู่ครับ แต่มันไม่ใช่คำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ คำถามน่าจะเป็น “เมื่อไหร่” มากกว่า แน่นอนว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี ถ้า SHR ยังขยายไปได้เรื่อยๆ รับจ้างบริหารเพิ่ม คุมต้นทุนดีๆ ทำได้อยู่แล้ว

SHR Yuanta 2

2. เอาเข้าจริงอาจจะได้มากกว่าที่ผมประเมินไว้ได้ไหม? เป็นไปได้อีกเช่นกัน เพราะสิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุดตอนนี้คือการท่องเที่ยว ต่างประเทศที่ Pent-Up Demand เรื่องการท่องเที่ยวเยอะมาก ตอนนี้โรงแรมได้ราคาดีครับ ดังนั้น Occupancy ก็เรื่องนึง แต่อย่าลืมว่า Occupancy มันเต็มได้ แต่ ADR นี่ไม่มี Ceiling นะครับ อาจจะได้เรท ADR ดีแบบสุดๆไปเลยก็ได้

3. ที่ผ่านมา SHR เปิด รีสอร์ทที่ Maldives Crossroad ยังไม่ทันได้เห็นศักยภาพเต็มๆก็มาเจอปิดประเทศซะก่อน ถ้าเรท ADR มันจะดีมากๆ ผมเชื่อว่ามาจาก Crossroad นี่แหละ โรงแรมใหม่ แบรนด์ใช้ได้ ราคายังมี Room ให้เพิ่มได้

4. ปรับปรุงประสิทธิภาพได้เร็วเวอร์ๆ เช่นโรงแรมใน UK และโรงแรมในไทย ก่อนจะปิดเมืองโรงแรมใน UK และไทยค่อนข้างเก่าแล้ว บางโรงแรมอยู่ในพื้นที่ที่แข่งขันสูง สู้คู่แข่งไม่ได้ ทีนี้บริษัทขายโรงแรมที่เกินเยีวยาออกไป ตัวไหนยังปรับได้เอามาปรับ ตรงนี้ก็จะทำให้ OCC และ ADR เพิ่มได้อีก ส่วนในมุมต้นทุนก็มีมาบริหารเองเพิ่มขึ้นหลายโรงแรมแล้ว อัตรากำไรน่าจะดีขึ้นครับ

สรุปแล้วหุ้น SHR ดีไหมนะ?

สรุปผมว่าหุ้น SHR เป็นหุ้นโรงแรมที่ดีนะ ทำเลแต่ละที่อยู่ในจุดที่ดีๆทั้งนั้น Maldives สมุย เกาะพีพี อังกฤษก็อยู่ตามเมือง

ผมมั่นใจเลยว่าถ้าการท่องเที่ยวกลับมา รายได้ 4500 ลบ. ของ SHR ทำได้สบายๆครับ ผมประเมินปี 2022 ไว้แบบ Best Case ถ้าช้าหน่อยก็อาจจะเป็น 2023 แทน แต่มั่นใจว่าไปถึงได้ อย่างที่ผมบอกไป คำถามไม่ใช่ไปถึงหรือไม่? แต่เป็นไปถึง “เมื่อไหร่” มากกว่า

ส่วนความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการระบาดรอบใหม่ ก็หวังว่าพอมีวัคซีนกันเยอะแล้ว การระบาดจะทุเลาลง คนตายน้อยลง สุดท้ายอยู่ร่วมกันได้ สถานการณ์ก็น่าจะกลับมาดีขึ้นได้ครับ

ใครไม่เคยตามหุ้น SHR มาก่อนลองอ่าน บทความที่แล้วของผมด้านล่างต่อได้เลยนะครับ จะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด ตอนนั้น ราคาหุ้น SHR อยู่ที่ 2.90 บาทครับ

ใครสนใจอยากศึกษาหุ้นท่องเที่ยวเพิ่มมีอีกตัวที่ผมเขียนไว้คือ AOT ครับ บทความ ไปเที่ยวได้ยัง? วิเคราะห์หุ้น AOT ดีไหม? เมื่อการท่องเที่ยวคือสิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุด การกลับมาเติบโตของ AOT

หรือถ้าสนใจของต่างประเทศก็มี Airbnb นะครับ บทความวิเคราะห์หุ้น ABNB Airbnb ต่างกับ Booking.com ยังไง? 90 Billion แล้วยังโตได้อีกไหม? ปรับโมเดล Airbnb จองได้ทุกอย่างสำหรับ Hipster

ช่องทางติดตาม

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ

และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ

บทความวันที่ 14/12/2020

SHR ราคาตํ่ากว่า IPO โตโหดปีหน้า เตรียม Surprise หลังมีวัคซีน

วันนี้หุ้น SHR ขึ้นมาแรง 12% มาดูกันว่าตลาดคาดหวังอะไรกับหุ้นตัวนี้?

ตั้งแต่วัคซีน COVID-19 เริ่มมีผลการทดลองที่น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นกลุ่มโรงแรมก็ดีดตัวกันกระจายท่ามกลางความคาดหวังวัคซีน 

SHR ก็เช่นกัน แต่ถึงกระนั้นราคาก็ยังคงถูกมาก ที่ P/BV 0.5 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่ P/BV 2.2 เท่าจะเห็นว่า SHR Laggard กลุ่มอยู่เยอะทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นรายได้กว่า 60% ของ SHR ยังอยู่ต่างประเทศอีกด้วย   ทำให้ได้รับผลกระทบด้านบวกจากวัคซีนมากกว่ากลุ่ม

รู้จักกับหุ้นSHR หุ้นโรงแรมมัลดีฟท์

SHR เป็นบริษัทย่อยของ Singha Estate ทำธุรกิจโรงแรม จ้าง Third Party บริหาร รวมถึงการบริหารโรงแรมด้วยตนเองแต่อยู่ภายใต้เฟรนไชส์โรงแรมดังอย่าง Hilton, Hardrock และจะมีการรับบริหารโรงแรมในอนาคตภายใต้แบรนด์ SAII อีกด้วย 

SHR ใช้กลยุทธ์ Take-over ซื้อโรงแรมในการเติบโตและเน้นจับลูกค้ากลุ่มบนที่มีกำลังซื้อสูง

ณ ปัจจุบัน SHR มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 4467 ห้อง จาก 39 โรงแรมที่กระจายอยู่ 5 ประเทศในโลก ภายใต้ชื่อแบรนด์อย่าง Santiburiม SAII, Outrigger และ Hard rock เป็นต้น 

โดยอยู่ในไทย 13% มัลดีลฟ์ 9%  7% ฟิจิ 4% มอริเชียส 67% ในสหราชอาณาจักร

กลุ่มลูกค้าของ SHR กว่า 50% มาจาก เอเชีย-แปซิฟิก  38% มาจากยุโรป 8.5% จากอเมริกา 2.8% จากแอฟริกาและอื่นๆอีก 0.4%

มุมพื้นฐาน

คีย์หลักของ SHR อยู่ที่ โรงแรมในมัลดีลฟ์ ซึ่งสร้าง EBITDA ให้บริษัทถึง 40% ในปี 2020

โดยโรงแรมมีอัตราการเข้าพักดีขึ้นตามลำดับ ที่ 21% ในตุลาคม 40% ในพฤศจิกายน และคาดว่าในเดือนธันวาจะกลับมาถึง 70%!! 

เนื่องจากแขกต่างชาติจาก ยุโรป,ตะวันออกกลางและอเมริกาและทางบริษัทจัดแพคเกจพักผ่อนระยะยาวในมัลดีลฟ์ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก

ซึ่งถ้าเป็นไปตามคาดการณ์ EBITDA ก็จะกลับมาบวกได้และแนวโน้มของมัลดีลฟ์จะดีไปจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้าเพราะจะเข้าช่วง High-Season 

นอกจากนั้น SHR ยังมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนถ่ายโรงแรมที่ถูกบริหารโดย Third-Party อย่าง Outrigger มาเป็นการบริหารจัดการเองหรือการบริการจัดการเองแต่อยู่ภายใต้เฟรนไชส์

เพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไรจากการประหยัดค่าบริหารและยังสามารถแชร์ทรัพยากรระหว่างโรงแรมภายใต้ Platform Self-manage ได้อีกด้วย

สถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วย D/E แค่ 0.5 เท่า ทำให้ SHR มีโอกาศที่จะทำ M&A ขยายพอร์ตโรงแรมได้อีกมาก โดยทางกลุ่มมีแผนจะเพิ่มโรงแรม จาก 39 แห่งเป็น 80 แห่งใน 5 ปี

สถานการณ์ปัจจุบัน SHR เปิดให้บริการโรงแรมทั้งหมดแล้วกว่า 90% และทางผู้บริหารยังมีการลดต้นทุนและบริหารกระแสเงินสดอย่างเข้มงวด

การเข้าพักในโรงแรมของ SHR นั้นทยอยดีขึ้นตามลำดับหนุนจากการท่องเที่ยวในประเทศ

ด้านกราฟเทคนิค

ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษจิกายนที่มีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีน ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนมายืนเหนือเส้น EMA 200 วันได้ บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามหุ้นโรงแรมนั้นค่อนข้างอ่อนไหวกับข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคอยติดตาม

ด้านความเสี่ยง

แน่นอนว่าจะยังคงเป็นเรื่องของ วัคซีน COVID – 19 ว่าจะสามารถผลิตออกมาได้มากแค่ไหนและเมื่อแจกจ่ายแล้วการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับมาอย่างที่คิดหรือไม่?

แต่ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งและราคาที่ยังถูกมาก SHR ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาวอยู่ดี

หุ้นSHRดียังไง

โดยสรุปแล้ว SHR ถือเป็นหุ้นกลุ่ม Vaccine-Play ที่น่าสนใจในแง่ของ Valuation ที่ถูกกว่ากลุ่มท่องเที่ยวตัวอื่นๆมาก รวมถึงมีโอกาศฟื้นตัวเร็วกกว่ากลุ่มเนื่องจาก รายได้หลักมาจากโรงแรมในต่างประเทศที่ชาวต่างชาติสามารถเดินทางไปพักยาวๆ ได้

ร่วมถึงอัตราหนี้สินต่อทุนที่น้อย นอกจากจะปลอดภัยแล้ว บริษัทยังมีโอกาศเติบโตจากการกู้เงินมาซื้อโรงแรมได้มากซึ่งจะช่วยซัพพอร์ตรายได้เมื่ออุตสหกรรมฟื้นตัวเต็มที่

ด้านปัจจัยเสี่ยงก็คงจะเป็นเรื่องการระบาดของ COVID-19 แต่นักลงทุนก็ค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับการมาของวัคซีนมากกว่า

ก็เป็นที่น่าจับตามองว่า SHR จะฟื้นตัวได้เร็วจริงหรือไม่

ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ ช่วยกด Like เป็นกำลังใจให้ เพจเทรนด์ลงทุน ด้วยนะครับ

COMMENTS